ไขปริศนาความฝันของมนุษย์
หลายคนสงสัย หลายคนตั้งคำถามความฝันเกิดจากอะไร ทำไมต้องฝัน?
คำตอบมีอยู่แล้วในพระไตรปิฎกพระพุทธองค์ทรงกล่าวถึงเหตุแห่งความฝันไว้ ๔ ประการ คือ กรรมนิมิต จิตอาวรณ์ เทพสังหรณ์ ธาตุกำเริบ
๑. กรรมนิมิต (บูรพนิมิต)
เป็นความฝันที่เกิดขึ้น เพราะอำนาจจิตของผู้ฝันเองผสมกับอำนาจของกรรม
เช่น เมื่อเราทำบุญจิตผ่องใสเบิกบานเวลาฝันก็จะฝันว่าเหาะเหินเดินอากาศได้เป็นต้น หรือจะมีโชคลาภก็อาจจะฝันว่าจับปลา จับกบได้ หรืออาจฝันว่าเดินเหยียบกองอุจจาระเป็นต้นเป็นความฝันบ่งบอกอนาคตอีกไม่นาน
หรือบ่งบอกสภาพจิตของผู้ฝันเอง
สำหรับผู้ที่ฝึกจิตได้ดีระดับหนึ่งแล้วแต่ยังไม่ถึงขั้นรู้อนาคตได้ก็จะสามารถรู้อนาคตได้ชนิดวันต่อวันผ่านความฝัน
แต่ถ้าหากเป็นเวลาที่ตื่นอยู่เราจะเรียกสิ่งนี้ว่า ลางสังหรณ์ เช่น ก่อนจะเสียกรุงศรีอยุธยาในครั้งที่สองพระประธานวัดเจ้าพระนางเชิงน้ำพระเนตรไหลลงมาจากพระนาภี พระเจดีย์วัดราชบูรณะนั้นมีกาบินมาเสียบตายอยู่ปลายยอด
สำหรับผู้ที่ฝึกจิตได้ดีระดับหนึ่งแล้วแต่ยังไม่ถึงขั้นรู้อนาคตได้ก็จะสามารถรู้อนาคตได้ชนิดวันต่อวันผ่านความฝัน
๒. จิตอาวรณ์ (อนุภูติบุพพะ)
ฝันเพราะ จิตหยิบฉวยเอาสัญญาความจำ มาปรุงแต่งในขณะหลับ เพราะในเวลาหลับจิตปิดอายตนะทั้ง ๕ เหลือแต่เพียงอายตนะใจอย่างเดียว จิตเลยปรุงแต่งอย่างสนุกสนานทั้งคืนหลับเมื่อไหร่ก็ฝันเป็นตุเป็นตะ ๑๐๘ ทุกคืน
แต่ถ้าเป็นยามตื่นเราจะเรียกอาการนี้ว่า "จิตฟุ้งซ่าน" คิดเรื่อยเปื่อยภาพจะไม่ค่อยชัดเพราะอายตนะทั้ง ๖ เปิดไว้ทุกช่องการรับรู้จึงถูกแบ่งออก
จิตฝังอยู่กับเรื่องอะไรก็มักจะฝันเรื่องนั้นเช่นคนชอบหวยเวลาฝันเห็นอะไรก็จะต้องเกี่ยวข้องกับหวยทุกทีไปฝันเห็นบรรพบุรุษ ก็จะต้องขอหวยกับบรรพบุรุษเป็นต้น
หรือบางทีก่อนนอน ดูหนังหรือดูภาพช้าง ก็อาจจะฝันเห็นช้าง ดูหนังเรื่องคิงคองก็อาจจะฝันเห็นลิงในคืนนั้น
๓. เทพสังหรณ์ (เทวโตปสังหรณ์)
เทวดาบันดาลให้เกิดความฝัน ในข้อนี้ต้องเข้าใจให้ถูกต้องเสียก่อนว่า คำว่า "เทวดา"ในที่นี้หมายถึงอำนาจจิตผู้อื่นไม่ใช่เทวดาอย่างเดียว เช่นกรณีของวิญญาณเฝ้าทรัพย์มาบอกให้ไปขุดของมีค่าในดินเมื่อขุดก็เจอจริงๆ
หรือวิญญาณทุกข์ยากมาขอส่วนบุญเป็นต้น หรือในกรณีของครูบาอาจารย์ต้องการเรียกลูกศิษย์ที่อยู่ไกลๆ
บางรูปก็ใช้วิธีส่งจิตไปบอกลูกศิษย์ในยามหลับหลายๆ คืนติดต่อกัน ลูกศิษย์ก็จะรับรู้ได้ผ่านความฝัน
บางทีได้คาถาหรือตำรายาผีบอกผ่านความฝันเราก็เรียกว่า "เทพสังหรณ์"
๔. ธาตุกำเริบ (ธาตุโขก)
หมายถึง ฝันเพราะทางร่างกายผิดปกติ หรือฝันเพราะมีร่างกายเป็นเหตุ เช่น...ก่อนนอนทานน้ำมากไปหน่อย
คืนนั้นก็อาจจะฝันว่าปวดปัสสาวะ และอยากเข้าห้องน้ำแต่ก็หาห้องน้ำไม่ได้จนต้องสะดุ้งตื่น
หรือบางคนปวดตาคืนนั้นก็อาจจะฝันว่ามีอะไรมาทิ่มตาก็เป็นได้ หรือนอนงอขาก็อาจจะฝันเจอผีแต่ก้าวขาไม่ออก หรือเอามือไว้บนหน้าอกอาจจะฝันว่าผีอำหรือมีอะไรมาทับตัวอึดอัดหายใจไม่ออก
บางครั้งจิตถูกกามราคะรบกวนเนื่องจากฮอร์โมนก็อาจจะฝันว่าได้ลูบไล้เพศตรงข้ามหรือฝันว่าตัวเองต้องลอยคออยู่กลางแม่น้ำ มองไปไหนเห็นมีแต่น้ำเป็นต้น น้ำจะเป็นนิมิตของกามราคะ ฯลฯ
จริงๆ แล้วความฝันก็คือ
ความคิดที่เกิดขึ้นขณะเราหลับนั่นเองเมื่อสรุปแบบวิทยาศาสตร์หน่อยก็คือ
ความคิดที่เกิดขึ้นขณะเราหลับนั่นเองเมื่อสรุปแบบวิทยาศาสตร์หน่อยก็คือ
๑. กรรมนิมิต..เมื่อทำดีก็จะฝันเรื่องดีๆ เมื่อมักทำบาป ก็ฝันแต่เรื่องร้ายบ่อยๆ
๒. จิตอาวรณ์..จิตผูกพันหรือวิตกกังวลเรื่องใดก็มักจะฝันเรื่องนั้น
๓. เทพสังหรณ์..มีใครมาบอกเรื่องใดจิตก็ฝันไปในเรื่องนั่น
๔. ธาตุกำเริบ...ถ้าร่างกายเป็นอย่างไรก็จะฝันอย่างนั้น
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่า
ความฝันก็คือ.....ความคิดในยามหลับ
ความคิดก็คือ.......ความฝันในยามตื่น
คนใช้สมองมาก...ก็มักจะฝันมาก
คนใช้สมองน้อยจิตสงบ..มักจะไม่ฝัน
ไขปริศนาความฝันของมนุษย์
Reviewed by สารธรรม
on
05:30
Rating:

ไม่มีความคิดเห็น: