โอวาทหลวงพ่อธัมมชโย ได้เรียนบาลีเพราะมีบุญ
ที่สำคัญคือ
ภาษาบาลี เก็บคำสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้เป็นสิ่งแทนตัวพระองค์เป็นคำสอนที่พระองค์ได้ค้นพบแล้วก็ฝึกตน ฝึกท่าน ทำให้ท่านบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะดับทุกข์ได้ไปสู่อายตนนิพพานแดนแห่งบรมสุขได้
ท่านมีมหากรุณาท่านก็ทรงถ่ายทอดสั่งสอนตั้งแต่พระปัญจวัคคีย์เรื่อยมา แล้วก็เมื่อท่านดับขันธปรินิพพานไปแล้วพระมหาเถรานุเถระก็รักษาเอาไว้
โดยเลือกภาษาที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคงที่ เพื่อที่จะได้เก็บคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ได้สมบูรณ์ไม่มีการผิดเพี้ยนจากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย
ในที่สุดได้ภาษาบาลีนี่แหละได้เก็บรักษาคำสอนนี้เอาไว้เพื่อพวกเรา และชาวโลก
เพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญๆ มาก...คำสอนนี้เป็นสิ่งแทนตัวท่าน ถ้าพระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่พระองค์ก็สอนอย่างนี้แหละ
ถ้าใครปฏิบัติตามคำสอน ก็บรรลุธรรมได้เช่นเดียวกับสมัยพุทธกาล ตราบใดภาษาบาลียังอยู่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังอยู่ การบรรลุมรรคผลนิพพานก็มีอยู่
ไม่มีพ้นสมัย ไม่ได้หมดสมัยในการบรรลุมรรคผลนิพพาน หรือการบรรลุมรรคผล
นิพพานถูกผูกขาดเฉพาะผู้ที่เกิดร่วมยุคร่วมสมัยกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ใช่
ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้ว่าเองแต่เป็นคำตรัสของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า...
"คำสอนของพระตถาคตเป็นตัวแทนของพระตถาคตเมื่อดับขันธปรินิพพานไปแล้ว"
ฉะนั้นการที่จะเลือกภาษาใดภาษหนึ่งมาเก็บรักษานี้ต้องใช้เวลาคัดเลือกยาวนานมากดูภาษาที่คงที่ เหมือนสัจธรรมคงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะผ่านยุคผ่านสมัยจะยุคอะไรก็แล้วแต่
จะเป็นยุคเทคโนโลยี ภาษานี้ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แล้วก็คัดได้ภาษาบาลีนี้มาเก็บคำสอนของพระพุทธเจ้าเอาไว้
ฉะนั้นผู้จะมาเรียนภาษาบาลีนี้ต้องมีบุญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นนักบวชก็ต้องมีบุญบวชด้วยมี บุญเนกขัมมบารมี
แล้วก็ บุญที่ได้อธิษฐานจิต มาให้อยู่ใกล้พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็มีบุญปัญญาบารมี ส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาทั้งทางโลกทางธรรมนี่แหละ
แล้วก็ตั้งจิตอธิษฐานเอาไว้ให้ได้มาศึกษาเรียนรู้คำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดุจนั่งใกล้ต่อพระพุทธองค์ทีเดียวและ
เมื่อบุญส่งผลก็ได้มาบวชๆ แล้วก็ได้ศึกษาเรียนรู้แล้วก็ได้จบการศึกษา
โอวาทหลวงพี่อธัมมชโย
วันที่ 20 และ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
ขอบคุณข้อมูลจาก
Youtube channel พระธรรมเทศนา หลวงพ่อธัมมชโย
โอวาทหลวงพ่อธัมมชโย ได้เรียนบาลีเพราะมีบุญ
Reviewed by สารธรรม
on
02:54
Rating:

ไม่มีความคิดเห็น: