ถามพระหรือยัง.? สงบไหม ถ้าพระใช้โซเชียล

สงบไหม พระใช้เฟซบุ๊ก ?


เราต้องแยกประเด็นให้ชัดนะครับว่า การขัดเกลากิเลส การแสวงหาความสงบทางใจ กับการใช้สื่อมันคนละเรื่องกัน.! 

และต่อให้ พระขังตัวเองจากโลกภายนอก โดยไม่เสพสื่อใดใดเลยก็ใช่ว่า พระจะไม่เจอ วิสภาคารมณ์ ในรูปแบบอื่นอื่น ที่จะนำความไม่สงบภายในมาให้ 

ในสมัยก่อนนี่ แม้แต่เสียงหมู เสียงหมา ท่านก็นับว่าเป็นวิสภาคารมณ์ เป็นเครื่องก่อกวนความสงบทางใจได้ทั้งนั้น 

ดังนั้นประเด็นเรื่องความสงบไม่สงบ ความเห็นภัยหรือไม่เห็นภัยในสงสาร มันจึงอยู่ที่วิธีการวางท่าทีที่ถูกต้อง การคิดการมองโลก และเข้าใจโลกของพระรูปนั้นนั้นเองไม่ใช่เพราะสื่อเป็นสำคัญ

เวลาเราจะนิยามความเป็นพระ 

อาตมาอยากให้สังคม ช่วยให้ความเป็นธรรมกับพระด้วย ช่วยทำความเข้าใจว่า พระที่ดำรงวิถีความเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ ไม่ใช่พระในภาพมายาคติ อยู่ป่านอนใต้ต้นไม้ เหมือนที่เราอ่านพระสูตร หรือศึกษาพุทธประวัติ 

คณะสงฆ์ไทย 

อย่างน้อยก็ตั้งแต่สุโขทัยลงมา มีอัตลักษณ์และวิถีความเป็นอยู่เนื่องด้วยรัฐ เนื่องด้วยสังคมทั้งนั้น พระที่เป็นคามวาสีมีมากกว่า พระที่เป็นอรัญญวาสี และบทบาทของพระซึ่งเนื่องด้วยการกำกับควบคุมของรัฐไทย

มีหน้าที่มากกว่าการแสวงหาความหลุดพ้นแบบปัจเจก นี่อยากจะขีดเส้นใต้ ตรงนี้เยอะเยอะหน่อย สำหรับพวกที่ชอบอ้างพระสูตรพระวินัย แบบนกแก้วนกขุนทอง โดยไม่ยอมทำความเข้าใจถึงบริบทต่างๆ ของกาลสมัยที่มีความเปลี่ยนแปลงไปมาก

พระที่ถูกกำกับโดยรัฐหรือคณะสงฆ์ ต้องทำหน้าที่สนองอุดมการณ์รัฐ ต้องเล่าเรียนศึกษาภายใต้หลักสูตรที่คณะสงฆ์กำหนด ต้องจัดโครงการหรือกิจกรรมในทางศาสนาต่างๆ เมื่อรัฐขอความร่วมมือ

และเรื่องพวกนี้ ล้วนต้องอาศัยสื่อในการแสวงหาข้อมูลความรู้ หรือแม้แต่การประชาสัมพันธ์เพื่อให้เข้าถึงกับกลุ่มคนที่หลากหลายด้วยกันทั้งนั้น

เราจะเห็นว่า แม้แต่พระสายปฎิบัติที่อ้างพุทธวจนะ หรือสายพระป่าอื่นอื่น ที่พยายามจะปลีกตัวออกจากสังคม สุดท้ายก็อาศัยประโยชน์จากเทคโนโลยีและสื่อ ในการเทศนาด้วยกันทั้งนั้น

ดั่งที่เราจะเห็นว่า เริ่มมีการใช้เท็ปเล็ต ในการสอนพุทธพจน์แทนใบลาน หรือแม้เแต่เทศนาแบบไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก แทนการขึ้นนั่งบนธรรมาสน์มากขึ้น

ดังนั้นเมื่อพูดเรื่องสื่อ

กับบทบาทของพระในสังคมสมัยใหม่ มันจึงไม่แค่การอ้างวิธีคิดแบบอุดมคติ หรือล้าหลัง 

เพื่อปฎิเสธความเปลี่ยนแปลงที่เป็นอยู่จริงในตอนนี้ ความจริงที่ว่าพระส่วนใหญ่มีเฟซบุ๊กส่วนตัว อย่างน้อยก็เพื่อประโยชน์ในการติดต่อกับผู้อื่น แต่ควรเป็นเรื่องของ การใช้ท่าทีในการมองที่ถูกต้อง 

การทำความเข้าใจว่า ใช้อย่างไรจึงเป็นประโยชน์ทั้งในส่วนตน และประโยชน์ทั้งในส่วนสังคมโดยรวม
การให้ความรู้เพื่อปกป้องการใช้สื่อ ในทางที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียกับพระศาสนาโดยรวม

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมอาตมาจึงมองคนที่เหมารวมและมองพระที่ใช้สื่อโซเชียลในแง่ลบ ว่าเป็นพวก
ใจแคบ

การไม่เสพสื่อ ไม่พยายามทำความเข้าใจสังคม ที่มีความเปลี่ยนแปลงและซับซ้อน ในแง่หนึ่งอาจทำให้พระได้ความสงบแบบปัจเจก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงแค่ไหน 

แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ทำเราได้พระแบบที่แม่นธรรมะ แต่ขาดเมตตาธรรม ตราหน้าโสเภณีว่าเป็นคนชั่ว หรือมองพวกข้ามเพศว่าเป็นพวกมีบาปมาแต่อดีตชาติ หรือเย็นชาต่อคนที่ถูกขังจากความอยุติธรรม

โดยอ้างว่า เป็นเรื่องของเวรใครกรรมมัน หรือเป็นเรื่องทางโลกที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองไปเสียทั้งหมด


ขอบคุณข้อมูล และภาพ
Fb พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ 
ถามพระหรือยัง.? สงบไหม ถ้าพระใช้โซเชียล ถามพระหรือยัง.? สงบไหม ถ้าพระใช้โซเชียล Reviewed by สารธรรม on 08:50 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.