ดีเบตกับพุทธอิสระสไตล์เจ้าคุณเบอร์ลิน


เงินอุดหนุนสังฆราชฯ
 เอาเข้าจริง คนเข้าคุกอาจมาเร็วเกินคาด 
ดีเบตกับ พุทธอิสระสไตล์เจ้าคุณเบอร์ลิน
ไม่มีรำมวยให้คนโห่ 
ชกเลย..!

เรื่องที่ผมจะชวนคุยต่อไปนี้ 
คนที่ไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง อาจฟังแล้วเฉยๆ
แต่ขอบอกได้เลยว่า คนที่เกี่ยวข้องอาทิ 
วัดอดีตสังฆราช 
ตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) 
พุทธอิสระ
 และคนเบิกเงินไปกว่า 300 ล้าน.?
พวกคนเหล่านี้ หากได้มาอ่านเจอตรงนี้ 
ของเจ้าคุณเบอร์ลินแล้ว อาจไข้ขึ้น
หรือเป็นลมไปเลยก็ได้หากตั้งหลักไม่มั่น 
ตกใจการ์ดตก เมื่อไร.. งานนี้อาจมีน๊อคคาเวที
ไสตล์เจ้าคุณเบอร์ลินนั้น 
บางครั้งถือว่าเป็นมวยไร้ตำรา 
ประเภท..

     มึงท้ากูไม่สน     

     มึงไม่นิมนต์ข้ามาเอง.!       

เมื่อชาติต้องการ ประมาณนี้
ที่สำคัญ นิสัยแก้ไม่หายของผมก็คือ ..

ชอบเอาเรื่องจริง มาพูดเล่น 
ชอบเอาเรื่องเล็ก มาพูดเป็นเรื่องใหญ่ 
และชอบเอาเรื่องใหญ่มาพูดป็นเรื่องธรรมดา 
ทำเหมือนไม่อะไร

แต่เตือนไว้หน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไม่มีน้ำใจว่า..
โพสต์นี้ออกไป ไอ้ที่ร้องท้าดีเบตกันไปมา 
จนคนดูเริ่มโห่นั้น อาจกร่อย
จนถึงขั้นยกเลิกไปเลยก็ได้

        ส่วนผู้เกี่ยวข้องหลัก         

       คือตัวละครเอก 3 ตัว..       

ข้างต้นนั้น ขอบอกก่อนว่า "สึนามิ" 
ตั้งเค้ามาแล้วครับ

ขอให้เตรียมการณ์ให้ดี ๆ บรรดาทนาย 
อาจจะต้องเตรียมตัวหาข้อมูลไว้เนิ่นๆ
ส่วนข้อมูลที่จะหานั้น ยังไง ๆ ก็ต้องให้ 
"เหนือกว่า ของเจ้าคุณเบอร์ลิน" ไว้นะครับ
ไม่เช่นนั้นงานนี้มี "หนาวแน่"

        เริ่มเข้าเรื่อง       

มาฟังเจ้าคุณเบอร์ลินขอดีเบต กับพุทธอิสระ 
ในสนามสมมติ กันสักหน่อยนะครับ
เพื่อเรียกน้ำย่อย ก่อนถึงวันดีเบตจริง 
กับ อ. เมธาพันธุ์ แห่ง มจร.
"เอาอารมณ์ แบบน้ำนิ่งไหลลึก"
เหมือนไม่มีอะไรดัง เกริ่นข้างต้นนะครับ
แต่รับรองว่า ฟังๆ ไปบางคน? 
บางหน่วยงาน? 
อาจได้ตาเหลือกกันบ้างก็ได้!

เผลอๆ รายการดีเบต อ. เมธาพันธุ์ กับพุทธอิสระ 
อาจเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะตรงนี้แจ้งไปหมดแล้ว
หรือเพราะหลังโพสต์นี้ออกไป 
อาจจะมีคนหาทางลงให้พุทธอิสระ เสียก่อนก็ได้ 
ด้วยอุทานว่า..
"เจ้าคุณเบอร์ลิน เอากูแล้วไง"
ก็ยังไม่ต้องเชื่อเจ้าคุณเบอร์ลินนะครับ 
คอยดูเอาเองแล้วกัน


ผมมาฟังเหตุผลที่ พุทธอิสระยกขึ้นมาเป็นข้ออ้าง
ในการเลี่ยงการดีเบตกับ อ.เมธาพันธุ์
โดยขอไม่พูดเรื่องพระลิขิต 
กับเงินอุดหนุนพระสังฆราช 
นั่น! เพียงอ้างน้ำขุ่นๆ ว่า 

"เรื่องนี้ ได้อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว 
จะทำให้เสียรูปคดี ต้องให้เป็นเรื่อง
กระบวนการยุติธรรม"

      ถามว่า..?      

มันไปอยู่ในกระบวนการยุติธรรม 
ตรงไหนของประเทศไทยครับ!
เรื่องนี้ก็แค่เป็นเรื่องปกติ 
ก็เพียงแค่ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
เขาออกมารับเอกสารร้องเรียนเท่านั้น
แค่นี้คุณพุทธอิสระ ก็แล้วมาทึกทักเอาว่า ..

" เรื่องได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว 
ตีกินเนียนจริงนะครับ"

ซึ่งวันๆ ผมก็เห็นว่า สตง. เอง
ก็น่าจะรับเรื่องร้องเรียนอย่างนี้ 
เป็นร้อยๆ เรื่อง ไม่ใช่มีแต่เรื่องของพุทธอิสระ 
อย่างเดียวสักหน่อย
ผมจะบอกให้ว่า..

"เรื่องยื่นเรื่องร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ นั้น
ไอ้ที่ไม่มีข่าวออกมาน่ะ มันน่ากลัวยิ่งกว่า
ที่มีข่าวออกมา มากมายหลายเท่านะครับ
ผมบอกได้แค่นี้แหละ"

ที่พุทธอิสระ มาอ้างแบบนี้ 
รู้มัยคะแนนแม่ยกตกไปอื้อเลยครับ
เพราะเขาว่า"หน่อมแน้มไปหน่อย" 
ผมละงงกับเหตุผลพุทธอิสระครั้งนี้จริงๆ

ลองมาดู 4 ประเด็น
ที่ อ. เมธาพันธุ์เสนอดีเบตไป
แต่ถูกพุทธอิสระพยายามเลี่ยงใช้  
"วิชาอำสังคม" อยู่ขณะนี้คือ 
ปรากฏว่าแกตีกรรเชียงหนีดื้อๆ 
ไป 2 ประเด็น เป็นประเด็นสำคัญเสียด้วยคือ..

       เรื่องพระลิขิต       

     กับเงินอุดหนุนสังฆราช.!      

ส่วนไอ้ที่หาเหตุผลมาอ้างนั้น 
ใครๆ เขาก็รู้ทั้งบางว่า เพื่อเลี่ยงอะไร
และก็เป็นสองประเด็นสำคัญ ที่พุทธอิสระ 
กับพวก ได้วางแผนชูธงกะเล่นงานสมเด็จช่วง
มาตั้งแต่ต้นเสียด้วยโดยมี

เป้าหมาย 
เพื่อขวางการสถาปนาสมเด็จ
พระสังฆราชนั่นแหละ!

แต่พอถึงคราวต้องพูดความจริง 
คราวต้องใช้เอกสารจริง
เพื่อนำมายันกันต่อหน้าสังคม
พุทธอิสระแกกลับพยายามบ่ายเบี่ยง 
ไม่อยากพูดถึงพระลิขิต 
ไม่อยากพูดถึงเงินอุดหนุน
สมเด็จพระสังฆราชเสียงั้น

ผมจึงขอให้สังคมช่วยกันจับตาดูว่า ..
ทำไมพุทธอิสระจึงมีพฤติการณ์
ชวนให้น่าสงสัยอย่างนี้ 
พุทธอิสระกลัวอะไรหรือเปล่า?

        กระซิบหน่อยว่า ..      

"อย่าบอกนะว่า เจ้าคุณชั้นราช 
กับเจ้าคุณแขก บอกให้หลวงปู่พุทธอิสระ
หยุดสาวลึกในสองประเด็นนี้"

ด้วยเหตุผลคือ เพราะเกรงจะหาหลักฐาน
มาชี้แจงไม่ได้ว่า ..
อันเงินอุดหนุนสมเด็จพระสังฆราชปีละ 23 ล้าน 
ตั้งแต่ทรงอาพาธเมื่อปี 2544
จนถึงสิ้นพระชนม์ ปี 2556 รวม 13 ปี นั้น.!
หากคิดปีละ 23 ล้าน 13 ปี 
ก็เป็นเงินเกือบ 300 ล้าน ไม่ใช่น้อยเลย

หากพุทธอิสระถามถึงเงินสมเด็จพระสังฆราช
ว่าไปไหน.?
เจ้าคุณเบอร์ลิน ก็จะย้อนถามตามวิธีของการดีเบต
นอกเวลาก่อนว่า ..
"แล้วใครเบิกไปใช้ละครับ"
เพราะคนเบิกจะรู้ดีกว่าใครอื่น
เพราะสมเด็จพระสังฆราชนอนป่วยอยู่
มิใช่หรือ? ในช่วงนั้น.!

ในช่วงนั้นสมเด็จพระสังฆราช 
ท่านได้ใช้เงินสักสตางค์แดงเดียวหรือเปล่า? 
รู้สึกพระองค์..ยังไม่ได้เลย
หรือมีสมเด็จพระสังฆราชเงา ไปทำระยำ 
ไปแอบเอาไปใช้จนหมดเกลี้ยงแล้ว?
การเบิกจ่ายงบจำนวนมากขนาดนี้ 
หลักฐานมันหาง่ายกว่า"รถโบราณ" 
ของวัดปากน้ำหลายร้อยเท่านะครับ
ที่ผมยังมีเลยเรื่องนี้ว่าแต่ 


     DSI ไม่สนทำคดีนี้บ้างหรือครับ..?  

และหลวงปู่พุทธอิสระ ก็อย่าไปหลุดปากตอบ
เจ้าคุณเบอร์ลินเชียวนะว่า ..
"เป็นค่ารักษาพยาบาล"

ที่จริงเรื่องนี้ หลวงปู่พุทธอิสระที่คุยว่าเป็น 
พญาราชสีห์ หากจะตอบเจ้าคุณเบอร์ลินไม่ยาก

ขอให้ท่านนั่งรถ..
ไปถามเอาเอกสารที่ห้องกระจกวัดบวรฯ 
เจ้าคุณแขก เจ้าคุณชั้นราช เจ้าคุณชั้นเทพ
ก็ยังมีอยู่ให้เตรียมเอกสารการเบิกจ่าย
เอาไว้ดีๆ กันไว้ด้วย
เพราะถึงอย่างไรเสีย 
วันหนึ่งเมื่อมีคนร้องเรียน สตง.
เขาก็ต้องตรวจสอบเอกสารเบิกจ่าย
เหล่านี้แน่นอน..!

    ตรวจว่า..      

  ใช้จ่ายตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่.? 

หาก สตง. ไม่เรียกตรวจสอบตามที่มีผู้ร้องเรียน 
หรืออาจระบุก็ได้ว่า ตามที่พุทธอิสระร้องเรียน 
ก็จะมีคนไปร้อง สตง. ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ก็ได้

        ถึงตรงนี้พอจะจบไหม.. ครับ.?    

    ท่านหลวงปู่พุทธอิสระพญาราชสีห์    

ท่านพอเห็นอะไรลางๆ หรือยังครับ
เจ้าคุณเบอร์ลินบอกแล้วว่า 
ระวังเจ้านายตัวเองไข้จะขึ้น 
คุณก็ไม่ฟัง ดัน..จนได้เรื่อง!
เอาละ มาว่ากันต่อนะครับต่อข้อคำถามที่ว่า 

เงินอุดหนุนสมเด็จพระสังฆราช 
ได้มีการเบิกเงินส่วนนี้ไปใช้หรือไม่?

เจ้าคุณเบอร์ลิน ก็จะขอย้อนถามพุทธอิสระว่า ..

ถ้าในกรณีที่ไม่ได้มีการเบิกจ่ายไปใช้
ในศานสกิจสมเด็จพระสังฆราชนั้น
เหตุเพราะเนื่องจากอยู่ระหว่างทรงอาพาธ 
ไม่ได้ปฏิบัติศาสนกิจ
และทุกคนก็ทราบว่า ทรงอาพาธ
ประทับอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ตลอด


      ในเวลาต่อมา..       

รัฐบาลได้มีการตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
หมายความว่า งานในหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช 
มีผู้ทำหน้าที่แทน
และตลอด 13 ปี ของการทำหน้าที่ฯ 
งานทุกอย่างมีคณะทำแทนทั้งหมด.!

แต่คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จ

พระสังฆราช ไม่เคยเบิกเงินส่วนนี้

มาใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น.???

ไม่ว่าจะแค่ค่าหมึก ค่าปริ้นเตอร์ 
ค่ากระดาษตราธรรมจักร 
ค่าน้ำมันรถ ค่าน้ำ ค่าไฟ 
และค่าอุปกรณ์สำนักงานอื่นๆ เป็นต้น
เรียกว่าเรื่องค่าใช้จ่ายของคณะผู้ปฏิบัติฯ นี้ 
ไม่ว่ามากหรือน้อย.. เล็กหรือใหญ่ 
อะไรต่อมิอะไร
ท่านหาใช้ของท่านเอง ทำเองทั้งนั้น!

ก็จะสรุปตรงนี้ ได้ว่า...
ก็ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็แสดงว่า 
ไม่มีการเบิกเงินส่วนนี้ไปใช้เลย 
รวมระยะเวลา 13 ปี !
(ฟังนิ่ม ๆก่อนนะครับ)

ต่อเรื่องกันเองนะครับว่า..หลังจากนี้
อะไรมันจะตามมา และไปลงที่ใคร..?
ผมจึงขอถามหลวงปู่พุทธอิสระพญาราชสีห์ 
อีกไปว่า ...

ในกรณีนี้ แสดงว่าเงินหลวงจำนวน
เกือบ 300 ล้าน นี้ยังอยู่ครบใช่หรือไม่?

ถ้าหลวงปู่พุทธอิสระพญาราชสีห์ 
ตอบว่า ใช่ ยังอยู่ครบ..! 

        คำถามคือ ?     

แล้วขณะนี้..
เงินหลวงจำนวนนี้อยู่ที่ไหน..? 
อยู่ในบัญชีของใคร..???

อย่าตอบส่งเดชนะครับ คิดดูให้ดีก่อน 
อย่าให้รัดคอพวกกันเองอีกหละ..
เพราะใครเกี่ยวข้อง!! 
อาจจะต้องเตรียมบัญชีไว้แสดงแก่ สตง. 
ในอนาคตใกล้ๆ นี้ก็ได้
หากแก๊งค์งาบเงินหลวงเหล่านี้ 
หวังดีต่อส่วนรวม ซื่อสัตย์ 
บริสุทธิ์ อย่างที่อ้างจริง

ก็ทำไม?  
เมื่อข้ามปีงบประมาณแต่ละปีแล้ว 
หากไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่าย
เงินจำนวนนี้ทำไม? 
ไม่ส่งเงินนี้คืนหลวงไป เพื่อให้หลวง
นำไปใช้ในส่วนที่จำเป็น 
ต่อไปละครับ.!


ประเด็นนี้ สตง. ก็ต้องแจ้ง
ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ในฐานะต้นเรื่อง ทำหนังสือเรียกเงินจำนวนนี้
คืนคลังนะครับ..ไม่งั้นท่านก็อาจงานเข้าก็ได้

ซึ่งก็ผมทราบมาว่า ขณะนี้ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน 
กำลังจะทำการตรวจสอบตามคำร้อง
ของพุทธอิสระอย่างจริงจัง..!
เพราะเงินแผ่นดินตรวจนั้น 
ว่าไปแล้วก็ตรวจสอบไม่ยากสักนิด
เพราะแค่เช็คต้นทางออกจาก
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่า..

ได้สั่งจ่ายในนามของใคร?
ใครเป็นผู้เซ็นต์รับ?

ก็สามารถตรวจพบปลายทางของเงินได้แล้ว
ผมขอบอกหลวงปู่พุทธอิสระพญาราชสีห์ว่า ..

"แว่วๆ มาว่าขณะนี้ สตง. ระบุชัดว่า 
..เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนเงินหลวง 
จึงจำเป็นต้องตรวจสอบ" 
นั่นคือ..แสดงว่าอีกทางหนึ่ง 
เขาก็ตรวจสอบเข้มข้นเหมือนกัน

      ถามว่า.? แบบนี้    

ไม่เกรงเสื่อมพระเกียรติ
สมเด็จพระสังฆราช หรอกหรือ?

ก็ต้องตอบว่า...
ไม่เป็นการเสื่อมพระเกียรติ แต่กลับจะทำให้
เพิ่มพระเกียรติของพระองค์กลับมาก็ได้
ทั้งหากไปพบความไม่ชอบมาพากล 
ก็อาจมีการเรียกเงินส่วนนี้คืนหลวงได้
เพื่อนำไปใช้ในส่วนอื่นต่อไปด้วย..
ที่สำคัญ..! อาจได้ลากคอ "พวกลวงโลก"
เหล่านี้ ได้เข้าตะรางทั้งแก๊งค์ก็เป็นได้

      งานนี้มีลุ้นครับ !!    

จริงเท็จอย่างไร หรือจะไม่เชื่อ
คำพูดของผมก็ได้..
แต่ก็ขอให้พุทธอิสระไปถามผู้ว่า สตง. 
ดูเองก็ได้ รายละเอียดมีอยู่ที่นั้นครับ
แต่ให้รู้ตัวนะครับว่า..
" บัดนี้..พญาราชสีห์ได้จุดไฟ
เผาวัดบวรเข้าแล้ว เรียบร้อย "
หากรู้อย่างนี้ ผมว่าทั้งเจ้าคุณแขก เจ้าคุณชั้นราช 
เจ้าคุณเทพ คงแทบอกแตกตาย
และคงด่าตัวเองในใจว่า..
"กูไม่น่าคบกับมึงเล้ย"

         สุดท้าย        

ถ้าพญาราชสีห์ ตอบเจ้าคุณเบอร์ลินว่า 
เงินนี้ ได้มีการเบิกจ่ายไปแล้ว
เจ้าคุณเบอร์ลิน ก็ต้องย้อนถาม พุทธอิสระว่า ..

งบนี้ใครเป็นผู้มีอำนาจในการเบิกจ่าย 
หรือ ใครคนนั้น? 
ใช้อำนาจอะไรจึงเบิกจ่ายเงินส่วนนี้ได้ 

และหลวงปู่พุทธอิสระพญาราชสีห์ 
อย่าโง่รับประทาน มาตอบเจ้าคุณเบอร์ลินเชียวนะว่า


เลขานุการในสมเด็จพระสังฆราช

เบิกจ่ายไปแล้ว..! 

เบิกจ่ายไปแล้ว..! (หรือไม่?)

เพราะจะทำให้เจ้าคุณเบอร์ลินโต้ดีเบตกลับไปว่า..
"แล้วเลขานุการฯ เขามีอำนาจอะไร
มาเบิกจ่ายงบสมเด็จพระสังฆราชไปใช้ "

ซึ่งก็ต้องไปดูระเบียบสำนักงบประมาณว่า ..
อันตัวเลขานุการฯ นั้นมันสามารถไปทำการ 
เบิกเงินงบประมาณไปใช้แทน
สมเด็จพระสังฆราชได้หรือไม่?

ง่ายๆ ว่างานนี้....
ถ้ามีผู้ไปยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน
ให้วินิจฉัยบ้างจะทำอย่างไร?
 หาทางลงไว้กันหรือยัง?
สมมติ..ถ้าเกิดผู้ตรวจการแผ่นดิน 
ไปอ้างพจนานุกรมราชบัณฑิต วินิจฉัยว่า ..

เลขานุการฯ ไม่มีอำนาจ

เบิกเงินส่วนนี้ไปใช้ได้ !

ลงแบบนี้แล้ว มันจะเกิดอะไรขึ้น
ไปคิดแก้ปัญหาเองนะครับงานนี้.
ผมจะเตือนไว้ ข่าวแว่วๆ ว่าทางฝั่ง สตง. 
กำลังแจ้งว่ามีแนวโน้มจะยืนยันว่า..

เลขานุการฯ ไม่มีอำนาจเบิกเงิน
แทนพระสังฆราชเสียด้วย.!

ผมดูแล้วเหมือนว่างานนี้ 
หลวงปู่พุทธอิสระพญาราชสีห์ 
จะผลักอาจารย์ของ หลวงพ่อ หลวงปู่ 
ที่ตนเองกะจะปั้นเป็นใหญ่นี่..
ให้ตกหลุมที่ตัวเองขุดไว้เสียเอง แล้วนะครับ
ก็ด้วยผลงานโง่ครั้งนี้นี่แหละ 
ไม่ต้องไปโทษใครหรอก

อย่าประมาทไปนะครับ..
เผลอๆ องค์ "ว่าที่สมเด็จพระสังฆราช" 
ที่พญาราชสีห์อยากได้ 
จนกระเสือกกระสนขนาด 
ท้านรก ได้ทุกวันนี้
ก็อาจถูกฝังไปในหลุม
พร้อมๆ กับเงินเกือบ 300 ล้าน

นี้ก็เป็นได้..

จำคำพูดผมไว้ดีๆ ผมเคยบอกแล้วไงว่า..
มาไงก็ไปงั้น คดีมาก็คดีไป.! 
เวรกรรมมีจริงครับ
ทางที่ดี ตอนนี้เจ้าคุณเบอร์ลิน 
ขอแนะนำไว้สักหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าแล้งน้ำใจว่า..
ขอให้เตรียมเอกสาร..
การเบิกจ่ายไว้ให้พร้อมกันดีๆ นะครับ

   เอกสารที่ต้องเตรียมไว้ให้พร้อม..  

   ประกอบด้วย..!     

1. สมุดบัญชีธนาคารเล่มที่ใช้รับ-โอนเงิน
    อุดหนุนสมเด็จพระสังฆราช
2. สำเนาเอกสารสำคัญการเบิกจ่าย 
    พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง
3. บิลค่าใช้จ่าย เช่น บิลค่าหมึก ค่าปริ้นเตอร์ 
    ค่ากระดาษตราธรรมจักร ค่าน้ำมันรถ ค่าน้ำ 
    ค่าไฟ และค่าอุปกรณ์สำนักงานอื่นๆ เป็นต้น
4. เอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

       สุดท้ายขอจบโพสต์นี้ว่า..    

ตัวเจ้าคุณเบอร์ลินนั้น ไม่ค่อยถนัด
เรื่องดีเบตออกทีวีกะเขา 
ไม่เคยคิดโชว์ตัวตนที่แท้จริงเสียด้วย 
ชอบจะเป็น "คนนิรนาม" เสียมากกว่า
งานนี้..จึงขอเป็นแค่มวยคู่ก่อนเวลา 
เพื่อเรียกน้ำย่อยเท่านั้น.!

แต่ของจริงต้องรอดู อ.เมธาพันธุ์ กันเอาเอง
ข่าวว่า ได้ของดีมาโชว์เพียบ
ขอโปรดอย่ากระพริบตา ข่าวแจ้งว่า ...
เขาได้ข้อมูลมาเพียบ 
ไม่รู้หลั่งไหลมาจากทิศไหนบ้าง

มีแม้กระทั่งว่า เช็คเกือบ 300 ล้านนั้น..

สั่งจ่ายมากี่ใบแล้ว ?
จ่ายเมื่อไหร่ ? 
ใครเป็นผู้รับ?

ผมว่าคงได้เป็นลมกัน ก่อนตายแน่ๆ คราวนี้


อามิตตาพุทธ
โชคดีมีชัยทุกท่านครับผม
03.04.2016
------------------------------






ดีเบตกับพุทธอิสระสไตล์เจ้าคุณเบอร์ลิน ดีเบตกับพุทธอิสระสไตล์เจ้าคุณเบอร์ลิน Reviewed by สารธรรม on 02:10 Rating: 5

6 ความคิดเห็น:

  1. กรรมใดใครก่อก็รับกันเอาไป
    ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว

    ตอบลบ
  2. ไม่บอกไปเลยว่า..ยาย อังกาบ.ขายกล้วยทอด..เอาไปใช้หมดแล้ว......

    ตอบลบ
  3. กฏแห่งกรรมมีจริง เลิกทำบาปเถิดค่ะ

    ตอบลบ
  4. เวรกรรมมีจริง และมาเร็วจริง

    ตอบลบ
  5. สตง จัด ด่วน งานนี้ ได้ดาวแน่ ถ้ากล้า

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.