เมธาพันธ์ติวเข้ม! ผุด พรบ. สงฆ์ ม.7 จับธรรมกายเป็นตัวประกัน : กรณีธรรมกาย

การดำเนินการของ DSI เรื่องพระธัมมชโย 

เรื่องวัดพระธรรมกาย

หลวงปู่พุ่ม พระมหาเถระอายุ 115 ปี จากนครศรีธรรมราช
มาร่วมงานวันคุ้มครองโลกเมื่อหลายปีก่อน


เป็นเพียงบันไดที่จะไต่ไปสู่

ภารกิจที่ใหญ่กว่านั้น

และเป็นเป้าหมายหลักที่สำคัญ..!

นั่นคือการแก้ไข พรบ.สงฆ์ มาตรา 7
แล้วก็นำไปสู่การยุบ มส.
ยกเลิก พรบ.การปกครองคณะสงฆ์
และเป็นสิ่งที่ชาวพุทธกังวลใจในเวลานี้


   จากนั้นบันไดขั้นต่อไป ..  

ก็จะมีการดำเนินให้เป็นไปตามคณะปฏิรูป
ซึ่งมีนายไพบูลย์ เป็นประธานฯ
เพื่อนำไปสู่การแต่งตั้งคณะกรรมการคณะหนึ่ง
ซึ่งมีคฤหัสถ์ ในนามของสมัชชาคุณธรรม
เข้ามาเป็นหลักในการปกครองคณะสงฆ์

หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ก็จะเห็นว่า
ทำไม.? ถึงมีการโจมตี..
หลวงพ่อสมเด็จวัดปากน้ำอย่างรุนแรง
มีการโจมตี..มหาเถรสมาคมอย่างรุนแรง

แต่เมื่อไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร
ก็หันมามองว่า วัดพระธรรมกาย
แล้วก็หลวงพ่อธัมมชโย คือตัวปัญหา.!


เช่นเรื่องรถหรูของหลวงพ่อสมเด็จ
ซึ่งไม่ใช่รถหรูเลยทั้งที่เรื่องรถ
ก็มีเคสอยู่ 7 พันกว่าคันถามว่าทำไม..DSI ?
เจาะจงรีบเร่งทำคดีให้เอิกเกริกอยู่คันเดียว

อีกทั้งเรื่องสหกรณ์เครดิตยูเนียน
ก็มีจำนวนเช็คเยอะแยะมากมาย
ทำไม..DSI ? ไม่ดำเนินการไปพร้อมๆ กัน
หรือทำไม.? รีบดำเนินการเฉพาะเรื่อง
พระธัมมชโยนี้ ให้เอิกเกริกผิดปกติ.!



ทั้งหมดนี้จึงมองได้ว่า ..
คนที่ร้องเป็นคนกลุ่มเดียวกัน 

ที่มีส่วนได้เสีย
และเป็นต้นน้ำของรัฐบาลนี้หรือเปล่า.?
นี่คือสิ่งที่สังคมตั้งข้อสังเกต?


โยงไปถึงแนวคิดของกลุ่มบุคคลนี้
นำโดยพระหนึ่งรูป
แล้วก็สื่ออย่างคุณเปลวสีเงิน
ที่พยายามวิเคราะห์
ในรูปแบบที่ค่อนข้างรุนแรงใช้คำว่า
"จตุรภาค"

1. ธรรมกาย
2. มส.
3. สมเด็จวัดปากน้ำ
4. ระบบทักษิณ

ถ้ารัฐบาลไม่เข้าไปดำเนินการ
ให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดแบบถอนรากถอนโคน
มันก็จะเป็นปัญหา.!
จะเห็นได้ว่าฐานความคิดของกลุ่มบุคคลนี้
ตรงกันเปะเลย.!
แล้วการดำเนินการขณะนี้
ก็กำลังเป็นไปในลักษณะนั้นด้วย.!


เพราะอะไร มส.
จึงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกรณี
ของวัดพระธรรมกาย?


   จริงๆ แล้วมันผิดขั้นตอน   

              ตั้งแต่แรก..             

DSI..โดยการบัญชาของ
พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา
รมต.กระทรวงยุติธรรม
รับคำร้อง..จากผู้ร้องที่มีความอาฆาต
พยาบาทเคียดแค้นชิงชังมีอคติ
ต่อผู้ที่ถูกร้อง คือพระธัมมชโย
แล้วก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

รีบดำเนินการ..
โดยไม่ผ่านขั้นตอนตั้งแต่แรก.!

คือจริงๆ แล้วถ้าให้คณะสงฆ์
เข้าไปเกี่ยวข้องตามลำดับชั้น
ตั้งแต่เจ้าคณะตำบลขึ้นไป 
จนถึงเจ้าคณะหน มหาเถรสมาคม
ก็จะต้องดำเนินการตั้งแต่แรก.!

ทีนี้เมื่อเรื่องใดก็ตาม..
เป็นเรื่องพระกระทำผิดเป็นการส่วนตัว
แม้ในสมัยพุทธกาลก็ตาม
ไม่ใช่พึ่งเกิดขึ้น เฉพาะตอนนี้..!

มีพระที่ทำผิดจำนวนมากมาย
ในแต่ละเดือน แต่ละปี
ถ้าไปถึงอำนาจรัฐ กฎหมายของรัฐแล้ว
ก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของบ้านเมือง
ดำเนินการให้สิ้นสุดเสียก่อน..

เมื่อดำเนินการสิ้นสุดแล้วถ้าจะให้สงฆ์
ใช้พระธรรมวินัย พรบ.คณะสงฆ์
กฎมหาเถรสมาคม ท่านก็จะดำเนินการ
หลังจากที่คดีความบ้านเมืองเสร็จสิ้นแล้ว.!

แต่ถ้าหากต้องการให้คณะสงฆ์
ตามลำดับผู้ปกครองดำเนินการ
ต้องมาดำเนิการตั้งแต่แรก
ต้องไม่ไปถึงทางบ้านเมือง

แต่เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว..
ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามหลักการ
ที่เคยเกิดขึ้นกับพระสงฆ์องค์เจ้ารูปอื่นๆ
เช่นเดียวกัน !
ไม่ใช่เฉพาะพระธัมมชโยเท่านั้น
หลักการก็เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด.!!


กฎหมายก็คือกฎหมาย
ไม่มีใครบอกว่าคนทำผิดจะต้อง
อยู่เหนือกฎหมาย..

ไม่มีใครที่ไปให้ท่านทำอย่างนั้น
แต่ว่าต้องดูความเป็นจริงว่า.!

พระสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นพระรูปใดก็ตามแต่
จะรับสิ่งของใดจากบุคคลใด จะเป็นปัจจัย
หรือสิ่งใดก็ตาม ..

ไม่สามารถจะรู้ได้.. ว่าสิ่งของที่เขา
เอามาถวายมันถูกกฎหมาย
หรือผิดกฎหมาย !

ถ้าต่อไปนี้รัฐบาลจะกำหนดให้คณะสงฆ์
ว่าจะรับอะไรจากใครต้องถามก่อน
ถ้าถามก่อน..

มันก็ผิดหลักคำสอนพระพุทธเจ้า
ในเรื่องบุญกิริยาวัตถุ ที่มาของทรัพย์


การที่จะตั้งข้อกล่าวหากับพระรูปใดก็แล้วแต่
ถ้าท่านรับปัจจัยจากใครแล้วเงินนั้นผิดกฎหมาย
แม้จะไม่รู้เห็น แต่ก็ถือว่าคุณมีเจตนา
จะร่วมฟอกเงินกับเขานี่ ?
เอาละมันเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ทำไม?
ไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามรูปแบบปกติ

DSI เป็นขบวนการต้นน้ำ
ทางขบวนการยุติธรรม
ซึ่งสามารถอำนวยประโยชน์
แก่ผู้ถูกกล่าวหาได้..! 

โดยไม่จำเป็นต้องทำให้ดูเหมือนว่า

มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง.!

สิ่งที่น่ากังวลคือรัฐบาล

เชื่อว่า..วัดพระธรรมกายมีอาวุธ

หน่วยข่าวกรองบอกว่า..

วัดพระธรรมคือภัย

ต่อความมั่นคงแห่งชาติ

นั่นคือเขาเชื่อว่า..
วัดพระธรรมกายมีอาวุธยุทโธปกรณ์จริง
ซึ่งถ้าไม่มีจริง ก็จะมีขบวนการที่นำอาวุธ
เข้าไปแอบซ่อนไว้ในนั้น.!
โดยฝ่ายมือที่สาม หรือโดยใครก็ตาม
ที่เคยเกิดขึ้น

แล้วนายกรัฐมนตรี
ก็ให้สัมภาษณ์สื่อว่าถ้าเข้าไป
ก็จะยิงตอบโต้กันนี่ หมายความว่าท่าน
เชื่อแล้วว่ามีอาวุธอยู่ในนั้น..

ดังนั้นกลัวว่าจะมีการล้อมปราบ
อย่างรุนแรงในวันใดวันหนึ่ง.?

เราเองซึ่งเป็นคนภายนอกก็ภาวนาว่า
อย่าให้เกิดอย่างนั้นเลย ให้ทุกอย่าง
จบลงด้วยดี!


    แม้วัดพระธรรมกาย    

        จะเน้นเรื่องบุญ        

แต่ดูแล้ว..
ตั้งแต่ตั้งวัดมาเขาก็ไม่เคย
สร้างปัญหาอะไรเกี่ยวกับ
เรื่องความมั่นคง เกี่ยวกับเรื่องการเมือง
ที่จะต้องมาทำให้รัฐบาลใด รัฐบาลหนึ่ง
เกิดความวุ่นวายเดือดร้อนเหมือนกับ
บางกลุ่มบางฝ่าย.?

ผมมีลูกศิษย์จากวัดพระธรรมกาย
มาเรียนที่ มจร.เยอะ ผมได้พูดคุยกับเขา
พวกเขาไม่สนใจเรื่องการเมืองเลย.!


เขาสนใจเรื่องการศึกษา สนใจธรรมะ
แล้ววัดพระพระธรรมกายมีพระมหาเปรียญ
อยู่เกือบ 4 พันรูป เป็นสำนักเรียนบาลี
ที่มีผู้สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค
และประโยคอื่นๆ มากที่สุดในประเทศไทย
แต่คนไม่ได้มองตรงนี้ไง..!

ยังไงผมก็ยังเชื่อว่า..
พระวัดพระธรรมกาย
ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย


ขาไม่สนใจการเมือง
แล้วเขาก็ไม่เคยคิดว่า 
คสช.เป็นศรัตรู!


ผมมองว่าวัดพระธรรมกาย

ยังอยู่ในหลักพระพุทธศาสนาอยู่!

นี่เราวิเคราะห์แบบคนกลาง
แบบคนที่อยู่ภายนอก..


ยังมองเห็นว่า..
ก็ยังเป็นประโยชน์มากกว่า
ที่จะมองเขาไม่เป็นประโยชน์
พยายามมองในสิ่งดีๆ และมองว่า
อันไหนมันดีมากกว่า..
มันจะไม่มีปัญหา

แล้วอย่าไปตั้งธงไว้ว่าในนั้น
มันมีอาวุธ มีความรุนแรง
และต้องการใช้ความรุนแรง
แล้วยิ่งมีธงว่า ถ้าล้มนี้ได้จะต้อง
ล้มข้างบนด้วยแล้วจะต้องขุดราก
ถอนโคนคณะสงฆ์.!

อย่างนี้มันจะทำให้เกิด
ความแตกแยก
ไม่เฉพาะบ้านเมืองเท่านั้น
รวมไปถึงศาสนาจักร .!


อย่าลืมว่าพระพุทธศาสนาไทย
ได้รับการรับรองจากชาวพุทธทั่วโลก
ให้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนา

     ประมุขของพระสงฆ์ไทย     

  คือประมุขของพระสงฆ์โลก!  

นี่คือสิ่งที่ชาวพุทธทั้งหลายเชื่อ
แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าประเทศไทย
ซึ่งมีชาวพุทธ 95% จะมีปัญหา
เพียงว่าวันนี้..

ผู้ตรวจการแผ่นดินมาตีความ
ให้นายกรัฐมนตรีเป็นคนเลือก
ประมุขสงฆ์ มาปกครองคระสงฆ์
คือให้นักการเมืองมาเป็นผู้เลือก
ซึ่งมันเป็นไปได้อย่างไร?



ตั้งแต่มี พรบ. ฉบับนี้ไม่เคย

ปรากฏเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน!

แต่วันนี้มันเกิดขึ้นแล้ว..
เพียงเพราะพระรูปเดียวไปร้อง!
แล้วผู้ตรวจการแผ่นดินก็รับลูก
นี่มันคือปัญหาที่ไม่เคยเกิดขึ้น 
แล้วกำลังจะเกิดขึ้น..แล้วกลัวว่า
จะพัฒนาไปเป็นความรุนแรง!

ความรุนแรงทางศาสนาเป็นความรุนแรง
จากศรัทธาที่ฝังอยู่ในสายเลือด
อยู่ในก้นบึ้งหัวใจ..
เมื่อศรัทธาแล้วชีวิตเขาก็สละให้ได้
ไม่เหมือนเรื่องการต่อสู้กันตามหน้าที่
ในสงครามที่เราส่งนักรบส่งทหารเข้าไป
ตามที่ได้รับมอบหมายเฉยๆ

ถ้าหากว่ารัฐบาลไม่ทำตามธง
คือใช้วัดพระธรรมกายเป็นบันได
ไต่ไปสู่การล้มคณะสงฆ์ 
ล้มมหาเถรสมาคม
และล้ม พรบ.การปกครองคณะสงฆ์
แล้วให้คฤหัสถ์มาปกครองคณะสงฆ์
โดยใช้..แจ้งวัฒนะโมเดล

ทุกอย่างก็จะจบลงโดยง่าย
แต่ถ้ามีธงการเมืองมันก็เป็นแบบนี้
และท้ายที่สุดอาจเป็นไปได้ถึงขนาดที่ว่า
พลเอกไพบูลย์ต้องการให้เป็น.!

ให้มีการนำฮอร์ฯ ไปบินให้
จนท.โรยตัวมาจับสนธิกำลังระหว่าง
ทหารตำรวจ ตามที่ประกาศ
ออกมาเป็นทางการว่าจะดำเนินการ
ตามแผน.!


ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาต้องการ
ให้ไปถึงข้างบน.!
ต้องการ..ที่จะไม่จบเพียงเท่านี้แน่
จึงหวังว่าทางรัฐบาลจะไม่ดำเนิน
ตามธงของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ตั้งไว้

ผมคิดว่าผู้นำรัฐบาลมีสติเพียงพอ
ถ้าหากว่าต้องการแก้ปัญหาเพียงแต่
เอา DSI ถ้าสั่ง พลเอกไพบูลย์ไม่ได้
ก็สั่งตรง..ไปที่ DSI
ให้ไปแจ้งที่วัดพระธรรมกาย
แล้วก็เอาแพทยสภา เข้าไปตรวจ
แล้วก็ดำเนินการปกติเหมือน
ผู้ถูกกล่าวหาทั่วไป

อย่าทำให้เป็นเรื่องของการเมือง
ทุกอย่างก็จะจบลงอย่างปกติโดยง่าย
ผมเชื่ออย่างนั้นนะ


เรียบเรียงโดย คนธรรมรำพัน

Cr.บทสัมภาษณ์
     ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีระโรจน์
     และ Thaivoicemedia

บทความเชื่อมโยง Click > ปฏิรูปหรือหายนะ แจ้งวัฒนะโมเดล


ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีระโรจน์
คณบดีคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัย(มจร.)
ให้สัมภาษ­ณ์ Thaivoicemedia




เพราะความลับไม่มีในอากาศ

----------------------------------










     
เมธาพันธ์ติวเข้ม! ผุด พรบ. สงฆ์ ม.7 จับธรรมกายเป็นตัวประกัน : กรณีธรรมกาย เมธาพันธ์ติวเข้ม! ผุด พรบ. สงฆ์ ม.7 จับธรรมกายเป็นตัวประกัน : กรณีธรรมกาย Reviewed by สารธรรม on 19:35 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.