นางเปรตขอบุญลูกบวช

แม่ที่รอเห็นลูกชายห่มครองผ้าธงชัยแห่งพระอรหันต์ มิได้มีแค่แม่ผู้ให้กำเนิดในภพชาตินี้เท่านั้น แต่ยังมีแม่บังเกิดเกล้าในภพชาติก่อนๆ ที่รอเกาะชายผ้าเหลืองของลูกชายขึ้นสวรรค์ด้วยเช่นกัน

คืนวันหนึ่ง 

ขณะที่พระสารีบุตร พระอัครสาวกเบื้องขวา ผู้เลิศด้วยปัญญา กำลังนั่งสมาธิอยู่นั้น ได้มีหญิงเปรตตนหนึ่งมาปรากฏกายที่เบื้องหน้า ดูสภาพน่าเวทนายิ่งนัก

พระเถระจึงเอ่ยถามว่า 

"ดูก่อน นางเปรตผู้ผอมมีแต่ซี่โครง ท่านเป็นผู้เปลือยกาย มีรูปร่างน่าเกลียด ซูบผอม มีตัวสะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น ท่านเป็นใครหรือ มายืนอยู่ในที่นี้? "

นางเปรตนั้นตอบว่า 

"เมื่อก่อนดิฉันเป็นมารดาของท่าน ในชาติเหล่าอื่นดิฉันเข้าถึงเปรตวิสัย เพรียบพร้อมไปด้วยความหิวและความกระหาย

"เมื่อถูกความหิวครอบงำแล้ว ย่อมกินน้ำลาย น้ำมูก เสมหะอันเขาถ่มทิ้งแล้ว และกินมันเหลว แห่งซากศพที่เขาเผาอยู่ที่เชิงตะกอน 

"กินโลหิตของหญิงทั้งหลายที่คลอดบุตร และโลหิตแห่งบุรุษทั้งหลายที่ถูกตัดมือ เท้า และศีรษะที่เป็นแผล

"กินเนื้อ เอ็น และข้อมือข้อเท้าเป็นต้นของชายหญิง กินหนองและเลือดแห่งปศุสัตว์และมนุษย์ทั้งหลาย

"ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีที่อยู่อาศัย นอนบนเตียงของผู้ตายซึ่งเขาทิ้งไว้ในป่าช้า

"ลูกเอ๋ย ขอลูกจงให้ทานแล้วอุทิศส่วนบุญมาให้แม่บ้าง ไฉนหนอแม่จึงจะพ้นจากการกินหนอง และเลือด" 

ท่านพระสารีบุตรเถระผู้มีจิตอนุเคราะห์ ได้ฟังคำของมารดาแล้ว จึงปรึกษากับท่านพระมหาโมคคัลลานเถระ ท่านพระอนุรุทธะ และท่าน พระกัปปินะ แล้วให้สร้างกุฎี 4 หลัง ในทิศทั้ง 4 แล้วถวายกุฎีเหล่านั้น ข้าวและน้ำแก่สงฆ์ อุทิศส่วนกุศลไปให้มารดา 

ในทันใดนั้นเอง 

ข้าว น้ำและผ้า ก็บังเกิดขึ้นจากบุญนี้เป็นอันมากแก่มารดา นางได้พ้นจากอัตภาพแห่งเปรตวิสัย เข้าถึงฐานะแห่งเทพธิดาผู้มีร่างกายบริสุทธิ์สะอาด นุ่งห่มผ้าอันมีค่ายิ่งกว่าผ้าแคว้นกาสี ประดับด้วยวัตถาภรณ์อันวิจิตร มีอานุภาพรัศมีรุ่งเรืองสว่างไสวทั่วทั้งนภากาศ 

นางเทพธิดานั้นได้เข้ามาไหว้พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ และบอกเล่าให้ทราบว่า

"ดิฉันเป็นผู้ไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ บันเทิงอยู่ในสวรรค์ เพราะทานของท่านพระสารีบุตร ผู้เป็นนักปราชญ์ มีความกรุณาในโลก"

เรื่องจริงในพระไตรปิฎกนี้ เป็นข้อเตือนใจว่า ไม่ใช่แค่แม่ในภพปัจจุบันเท่านั้นที่รอบุญบวชจากลูกชาย แต่ยังมีแม่ในภพอดีตที่ชีวิตตกระกำลำบาก เฝ้ารอบุญบวชจากลูกชายจนใจแทบขาดเช่นกัน บวชได้ต้องรีบบวช

.

4 ม.ค. 2563

Cr.https://www.facebook.com/tchinungkuro