4 แรงหนุนให้การตั้งสัจจะสำเร็จอัศจรรย์
การตั้งเป้าหมายคือการตั้งสัจจะ
แต่สัจจะที่ตั้งเป็นเป้าหมายนั้น แท้จริงมีอยู่ 2 ประเภท
1. สัจจะที่ตั้งอยู่บนฐานของความดี
2. สัจจะที่ตั้งอยู่บนฐานของความชั่ว
ความโชคดีของการเกิดมาได้พบพระพุทธศาสนาก็คือการได้เรียนรู้เรื่องกฎแห่งกรรม คือทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจโลกนี้อย่างถูกต้องว่า
1. ความทุกข์ความสุขของมนุษย์ในโลกนี้เกิดจากการกระทำของตนเองทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตทั้งสิ้น ไม่มีใครทำให้ชีวิตเราทุกข์หรือสุขได้นอกจากเราทำตัวของเราเอง
2. ความดีที่ทำไว้ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตนั้น จะไม่สูญสลายหายไปไหน แต่จะกลายเป็นทางมาแห่งความสุขในรูปแบบต่างๆ ทั้งมนุษยสมบัติ ทิพยสมบัติ นิพพานสมบัติ บริวารสมบัติ ที่เราจะได้พบเจอในชีวิต
3. ความชั่วที่ทำไว้ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ก็ไม่สูญสลายหายไปไหนเช่นกัน แต่จะกลายเป็นทางมาแห่งบุคคล เหตุการณ์ สถานที่ สิ่งแวดล้อมในรูปแบบต่างๆ ที่ติดตามมาทวงหนี้กรรม และนำความทุกข์ต่างๆ โถมประดังเข้ามาในชีวิตดุจคลื่มลมที่ถาโถมหมายจมลำเรือให้อับปางลงกลางทะเล
เพราะความเข้าใจในเรื่องกฎแห่งกรรมนี้เอง จึงทำให้เราแยกแยะถูกผิดดีชั่วได้ตามความเป็นจริง ทำให้เมื่อถึงคราวที่เราตั้งเป้าหมายว่าจะทำอะไรสักอย่าง เราจึงรู้ว่าการตั้งสัจจะบนฐานของความดีคืออะไร และทำอย่างไรสัจจะที่เราตั้งไว้ถึงจะสำเร็จดังเป้าหมาย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงชี้ทางสว่างให้เห็นว่า สัจจะที่ตั้งอยู่บนฐานความดีนั้น จะสำเร็จได้นั้นต้องอาศัยแรงหนุนจาก 4 เรื่องใหญ่
1. แรงหนุนจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นปฏิรูปเทส 4
2. แรงหนุนจากเพื่อนพ้องน้องพี่ที่เป็นคนดี
3. แรงหนุนจากกำลังบุญที่ทำไว้ในอดีต
4. แรงหนุนจากการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
ต้องได้แรงหนุนจาก 4 เรื่องนี้ สัจจะที่ตั้งบนฐานความดีจึงจะสำเร็จอย่างยั่งยืน ทั้งเป้าหมายบนดิน เป้าหมายบนฟ้า และเป้าหมายเหนือฟ้าคือการบรรลุมรรคผลนิพพาน
แต่แรงหนุนทั้ง 4 นี้
มิได้หล่นลงมาจากท้องฟ้า หากแต่ต้องสร้างความดีรายล้อมรอบตัวขึ้นมา จึงจะเกิดเป็นแรงหนุนให้เราสร้างความดีได้ตลอดรอดฝั่ง แรงหนุนที่เป็นแรงส่งในการทำความดีนี้ พระพุทธองค์ทรงตรัสเรียกว่า
จักร 4 คือ หลักธรรมอันเป็นดุจวงล้อหมุนไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนตลอดชีวิตนั่นเอง
3 ม.ค. 2563 /22.27 น.
https://www.facebook.com/tchinungkuro
4 แรงหนุนให้การตั้งสัจจะสำเร็จอัศจรรย์
Reviewed by สารธรรม
on
02:08
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: