ทำยังไงไม่ให้สูญเสีย และเสื่อมสูญในโลกโซเชียล Quote เรื่องเล่าเข้าใจธรรม
พระเข้าไปแตะโลกโซเชียล
มากน้อยแค่ไหน.?
จริงๆ แตะตั้งแต่ตอนเข้ารายการนี้แล้วนะ.! เพราะรายการนี้ก็เข้าไปในโลกโซเชียล
เราคงปฏิเสธลำบากแล้วละว่า โลกโซเชียลไม่สำคัญ เพราะว่า ณ ปัจจุบันเราก็เห็นว่าจำนวนตัวเลขของคนก็เข้าไปอยู่ในตรงนี้ซะเยอะ แล้วก็มีปริมาณมากเกือบๆ ครึ่งหนึ่งของประชากรโลกนะ
ในแง่ของวัดพระธรรมกายเราก็มีเป้าหมายระดับหนึ่งว่าอยากที่จะเผยแผ่พระพุทธศาสนา.!
เป้าหมายของวัด
หน้าที่ของพระกับการ
เผยแผ่ศาสนาในโลก Social .?
ก็จะต้องทำให้คำสอนพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการปฏิบัติธรรม ในพระพุทธศาสนาจะเน้นเรื่องการปฏิบัติธรรมเยอะมากคือ
"การลงมือทำ"
หากไปดูผลสำรวจในเมืองไทยมีสถิติออกมามีคนไม่ถึงครึ่งที่สนในพระพุทธศาสนา อย่างเช่นว่าคุณไปทำบุญบ้างไหม คนๆ หนึ่งอาจจะไปทำบุญเข้าวัดแค่ปีละครั้งในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
เราก็คืออยากให้ คนพุทธไทยมีธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่ในใจ และแสดงออกมาทางพฤติกรรมของเขา
ยกตัวอย่างหลักธรรมที่ง่ายที่สุดที่ใครก็รู้เรื่องคือ ศีล 5 เรามานั่งดูว่าทำยังไงคำสอนพระพุทธเจ้าจะเข้าไปมีผลต่อชีวิตของเขาก็อันดับแรกก็ดูว่า คุณมีศีลไหม.?
แต่เมื่อไปดูสถิติแล้วคนไทยดื่มเหล้าติดอันดับโลก ก็แสดงว่าจริงๆ มันยังไม่เข้าไปอยู่ในใจทั้งที่ศีลเป็นเรื่องที่คนไทยคุ้นเคยแต่ว่าเราก็ทำไม่ได้
เมื่อทำไม่ได้เราจะทำยังไงดี ..เราก็ต้องหาทางทำให้เขาทำให้ได้ นั่นก็คือบทบาทของพระที่จะต้องเข้าไปทำมันก็อาจจะเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของเขา
อย่างปัจจุบันคนส่วนใหญ่อยู่กับสมาร์ทโฟน (smart phone) เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเราจะเข้าถึงเขาเราก็จะต้องไปในที่ๆ เขาอยู่ให้ได้ โลกโซเชียล จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้พระพุทธศาสนายังไงก็จะต้องเข้าไป
วัดพระธรรมกาย
กำลังทำอะไรกับ
โลกโซเชียล.?
บุคลากรในวัดไม่ว่าจะเป็น พระ เป็น เจ้าหน้าที่ โดยมากก็เป็นคนใช้ชีวิตทางโลกมาระดับหนึ่งไม่ว่าจะเคยใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย บางคนเรียนจบมาไปทำงานมีหมู่เพื่อนฝูง
คือเรามีโลกในอดีต เหมือนกับทุกๆ คน เพราะฉะนั้นเวลาเราเข้ามาในวัดโลกโซเชียลไม่ใช่เรื่องประหลาดสำหรับเราก็คือคนที่อยู่ในโลกแบบนนั้นมาก่อน
ดังนั้นเราก็แค่เพียงเอาอดีตของเรากลับมาใช้ เพียงแต่ว่า ณ วันนี้เราอีกบทบาทหนึ่ง เราเป็นพระ เป็นบุคคลที่อยู่ในพระพุทธศาสนา เราก็เข้าไปใช้เหมือนเดิมเพียงแต่ว่า..
ใช้ให้เหมาะสมกับสถานภาพของเรา.!
หลักแยกแยะ กลั่นกรอง
ข้อมูลในโลกโซเชียล.?
ฉะนั้นเมื่อไม่ใช่เรื่องผิดแปลกที่จะรับ หรือใช้ข้อมูลข่าวสาร แล้ววิธีการแยกแยะกลั่นกรองข้อมูลที่ถาโถมในโลกโซเชียลทำยังไงไม่ให้ถูกหลอก .?
จะให้ตอบแบบหล่อๆ หรือเอาแบบจริง ถ้าตอบแบบจริง คุณ..ก็จะถูกหลอกต่อไป.!
เพราะโลกใบนี้..อย่าลืมว่ามีคนที่อยู่ในโลกโซเชียลเกือบๆ ครึ่งโลกเข้าไปแล้ว เพราะฉะนั้นโอกาสที่เราจะถูกหลอกง่ายมากเลย จะไปบอกว่าทำยังไงไม่ให้ถูกหลอกเหมือนโกหกนะเพราะเราก็โดนหลอก
โดนหลอก.!
หมายความว่าเราก็มีตั้งหลายเรื่องที่เราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง ดังนั้นก็มีหลายครั้งที่เราไปอ่านแล้วเราก็บอกว่า โฮ้ว..มันอย่างนั้นจริงๆ เหรอ แต่ปรากฏว่ามันก็ไม่ใช่แต่เราก็เชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้นแล้วก็มารู้ทีหลัง .!เพราะฉะนั้นเท่ากับว่า..ตราบใดที่กระโดดเข้าไปอยู่ในโลกใบนี้เตรียมตัวไว้ได้ว่า โดนหลอก มันเลี่ยงไม่ได้คราวนี้ถ้าจะตอบแบบหลักการหล่อๆ หน่อย มันก็มีวิธีเพราะไม่งั้นเราก็จะตกเป็นเครื่องมือ
ทำยังไง..
จะไม่สูญเสีย และเสื่อมสูญในโลกโซเชียล.?หลวงพี่ว่าโดยหลักๆ สัก 2 ข้อที่สำคัญคือ ปัญญา กับสติ
ปัญญา กับสติทั้งสองอย่างนี้ไม่ใช่พูด (แบบที่ในรายการทั่วไปชอบพูด) แล้วจะได้มาแต่ความจริงต้องถูกฝึกให้เกิดเหมือนเราไปหาหมอหมอแนะนำให้ออกกำลังกาย ให้กินอาหารครบ 5 หมู่ เราฟังแต่กลับไม่ทำ ไม่ออกกำลัง อาหาร 5 หมู่ ต้องกินอะไร ขนาดไหนก็ไม่รู้
นี่คือเหมือนรู้แต่ไม่ทำ ปัญญา กับสติก็เหมือนกัน ไม่ใช่เป็นเพราะคำพูดที่พูดมาปุ๊บคุณจะทำได้เลย ต้องฝึกให้เกิด.!
เป็นเพราะเราไม่มีความรู้ เพราะฉะนั้นเวลาเราไม่มีความรู้เวลาใครพูดอะไร มันก็ง่ายมากที่จะโน้มน้าวให้เราเชื่อ
ก่อนไลค์ แชร์ สติต้องมา
ปัญญาต้องมี Study กันก่อน .?
ประเด็นคือคนทั่วไปเวลาที่ฟังอะไรแล้วไม่ได้เอาไปทำจริงๆ จังๆ คือเรื่องนี้เรื่องใหญ่นะ
ไม่ใช่อยู่เพียงแค่ว่า..คุณรู้หลักมันคืออะไร แต่มันอยู่ที่ว่าคุณต้องไปทำแบบนั้นให้ได้ด้วย.!
คำว่าปัญญา..
คือต้องมีความรอบรู้เวลาดูหรืออ่านอะไรในโซเชียล ถามตัวเองว่าเรารู้เรื่องนั้นไหมถ้าไม่รู้ก็เผื่อใจหน่อยอย่าพึ่งเออออไปกับเขาหมดเพราะโอกาสถูกหลอกมันมีอยู่ถ้าสนใจจริงๆ ก็ต้องไปรู้ให้ได้ไปทำความเข้าใจกับเรื่องนั้น เวลาอ่านอะไรจะได้แยกแยะกลั่นกรอง โดยถามตัวเองก่อนว่าเรารู้จริงหรือ.?
ต้องการสติ..
จากนั้นจึง "ต้องการสติ" พอรับข้อมูลปุ๊บ "ไม่เชื่อเร็ว แชร์เร็ว " กลายเป็นคนกระพือข่าวลือหรือเรื่องที่ทำให้คนอื่นเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข่าวอาจจะมีพาดหัวข่าวให้ดูรุนแรง ซึ่งคนสมัยนี้อ่านหนังสือน้อยมาก เขาอ่านหัวปุ๊บสรุปออกมาได้เลยว่ามันคืออะไรนี่คือ "ความน่ากลัว"
คลิกที่ภาพเพื่อรับชมวีดีโอ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
Fbภาพดีๆ 072
เพจเรื่องเล่าเข้าใจธรรม
https://www.facebook.com/talkgetdham/
บทสัมภาษณ์ฉบับสมบูรณ์
https://www.youtube.com/watch?v=3zDNgl_W6R8
ทำยังไงไม่ให้สูญเสีย และเสื่อมสูญในโลกโซเชียล Quote เรื่องเล่าเข้าใจธรรม
Reviewed by สารธรรม
on
01:16
Rating:
เขียนดีมาก
ตอบลบสาธุค่ะ
ตอบลบใช่เลยค่ะพระอาจารย์ กราบอนุโมทนาบุญค่ะ
ตอบลบสุโค่ย
ตอบลบเขียนได้ดีมาก สาธุ
ตอบลบโลกโซเชียลมีอะไรอีกมากมายที่เราควรใช้สติและปัญญาควบคู่กันไป จะทำให้เราไม่ตกเป็นเครื่องมือของโซเชียลที่จะทำให้โลกร้อนยิ่งไปกว่านี้ และเราควรนำความดีและความจริงลงไปในสื่อโซเชียลนี้ให้มากๆ เพื่อเราจะเป็นผู้หนึ่งที่สร้างโลกให้สดใสในอนาคตได้สำคัญทีเดียว
ตอบลบสาธุครับ
ตอบลบมีปัญญา กับ สติ สร้างโลกให้สดใส 2 สิ่งนี้สำคุญที่สุดค่ะ
ตอบลบตอบคำถามให้ข้อคิดดีจังเลยค่ะ อนุโมทนาบุญและขอบพระคุณพระอาจารย์ค่ะ
ตอบลบกราบอนุโมทนาครับ
ตอบลบสาธุค่ะ
ตอบลบกราบขอบพระคุณวัดพระธรรมกาย หลวงพ่อ และพระทุกรูป ที่สอนสาธุชนแต่สิ่งดีๆ สิ่งที่ถูกต้อง เสมอมา กราบขอบพระคุณที่มีวัดธรรมกาย ให้พวกเราได้ทำบุญด้วยใจศรัทธาที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังศรัทธาอันยิ่งใหญ่ สาธุ
ตอบลบพูดเรื่องดีๆ ทำให้คนอ่านได้รับแต่เรื่องดีๆ เป็นบุญทั้งคนพูดและคนอ่านเอย.
ตอบลบ