จากพระในวัด ถึงพระในบ้าน
แม่ป่วยต้องฟอกไตทุกอาทิตย์ พวกผมประชุมกันกับพี่ๆ น้องๆ ว่าจะหยุดการฟอกไตแม่ไว้เท่านี้เนื่องจากลูกๆ ได้ตอบแทนพระคุณท่านมาเป็นปีแล้ว ถามว่าเมื่อตอนคุณตัวเล็กๆ ป่วยเป็นโรคอะไรก็ตาม แม่พาไปรักษาไม่หายมาปีหนึ่งแล้ว คุณคิดว่าแม่คุณจะปล่อยให้คุณตาย หรือว่าแม่จะเทชีวิตให้คุณจนยอมหมดกระเป๋า.?
ช่วงนี้เป็นช่วงวันแม่แห่งชาติ
หลายท่านคุณแม่คุณพ่อก็ลาโลกไปแล้ววันนี้จึงมาทำบุญอุทิศให้ท่าน สำหรับท่านที่พ่อแม่ยังอยู่ก็ทำบุญกับท่านเยอะๆ ท่านจะได้อยู่กับเรานานๆคุณพ่อคุณแม่ เป็นดั่งพระอรหันต์ในบ้าน ฉะนั้นตั้งแต่รุ่นปู่ย่าได้เตือนลูกหลานว่าไม่ว่าพ่อแม่จะยังมีชีวิตอยู่ หรือลาโลกแล้วก็ตาม เวลาทำบุญหากท่านลาโลกไปแล้วก็ทำบุญกับพระแล้วอุทิศบุญให้ท่าน
ถ้าพ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่
ก็พาพ่อแม่ของเรามาทำบุญด้วยตัวท่านเอง ไม่ต้องรอให้ลูกทำให้ แล้วท่านจะได้ทำบุญให้พ่อแม่ท่านด้วย คือปู่ย่าตายายของเรานั้นเองหรือว่าใครที่อาจไม่สะดวกก็อยากฝากเอาไว้ว่า กรณีนี้เวลาจะทำบุญโดยเฉพาะในวันพ่อ วันแม่ วันปุพพเปตพลี
เมื่อท่านมาด้วยตัวเองไม่ได้ ก็ให้ท่านร่วมบุญหรือก่อนที่เรามาวัดก็พาท่านตักบาตรหน้าบ้านก็ยังดี คือให้ท่านทำบุญกับมือท่านเอง ท่านจะได้ปลื้มได้เต็มที่
เมื่อท่านปลื้มเต็มที่ผลบุญก็จะส่งแรงมากๆ เพราะบุญที่คนอื่นทำให้ไม่เท่ากับเราทำเอง
ลูกที่กตัญญูรู้คุณ
ทุกวันนี้หลักสูตรศีลธรรม ในพระพุทธศาสนาที่เคยอยู่ในโรงเรียนถูกนำออกไป ลูกหลานเราในยุคนี้ จึงไม่ค่อยรู้จักการทำบุญที่สมควร และเหมาะสมต่อไปข้างหน้าเมื่อเขาเป็นพ่อคนแม่คน เขาอาจจะไม่รู้ว่าจะสอนลูกอย่างไรเมื่อเป็นแบบนี้ธรรมะจะค่อยๆ หายไป
จึงฝากไว้ว่า "ลูกของเรา" ก็ควรพามาด้วย ทำให้เขาดูว่าเราทำบุญให้กับปู่ย่าของเขา หรือพ่อแม่ของเราอย่างไร ลูกจะได้รับรู้ว่าเราสามารถทำบุญให้กับผู้ที่ลาโลกไปแล้วได้ ซึ่งเรื่องนี้มีเฉพาะในพระพุทธศาสนา
ถึงเวลาเมื่อเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เขาจะได้ทราบว่าควรจะทำอย่างไรกับพ่อแม่ เมื่อวันที่เขามีลูกเขาจะได้อบรมลูก เหมือนที่เราได้อบรมเขาตั้งแต่เด็ก
เรื่องการปลูกฝังปุพพเปตพลี หรือความกตัญญู ที่มีต่อพ่อแม่บรรพบุรุษนั้นเป็นเรื่องใหญ่เป็นความอยู่รอดทั้งตัวของเรา ของประเทศชาติ ของพระพุทธศาสนาด้วย และความอยู่รอดของมนุษยชาติต่อไปอีกนานแสนนาน
เพราะเมื่อคิดถึง "บุญคุณของพ่อแม่" เป็น แสดงว่าเขาจะคิดถึงคุณของคนอื่นเป็น แล้วคนที่คิดถึงคุณของคนอื่นเป็นนั้นคือ "คนที่ใจกว้าง" และรู้จักมองดูความดีของผู้อื่นเป็น คือสอนให้เขา "รู้จักจับถูกเป็น" นั้นเอง
เพราะโลกสมัยนี้ "คนชอบจับผิด" มองไม่เห็นความดีของคนอื่นนับวันจะเพิ่มขึ้น คนจับผิดคนๆ นั้นใจแคบนิดเดียวจะมองแต่ความผิดพลาด ถึงความดีมีเป็นภูเขาแต่ก็มองไม่เห็น "ชาตินี้จึงเอาดีไม่ได้"
ส่วนคนที่มีนิสัย "จับถูก" ใจเขาจะขยายกว้างเรื่อยๆ ไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ เขาจะใจใหญ่เห็นแก่ส่วนรวมไม่เอาแก่ส่วนตัว จะนึกถึงครอบครัว ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา
ใครถ้าไม่ฝึกลูกหลานให้กตัญญูรู้คุณพ่อแม่บรรพบุรุษของตน ลูกหลานจะเสียชาติเกิด เพราะคิดถึงแต่ตนเองเป็นคน "เห็นแก่ตัว"
ด้วยเหตุนี้พระพุทธองค์ จึงสอนแล้วสอนอีกให้รู้จักพระคุณพ่อแม่และตอบแทนท่านไม่ว่าท่านจะมีชีวิตอยู่หรือลาโลกแล้วก็ตาม
เมื่อตอนหลวงพ่อบวชได้ประมาณพรรษาที่เจ็ดหรือแปด ช่วงนั้นมีโยมมาวัดใหม่ๆ ถามว่า
แม่ป่วยต้องฟอกไตทุกอาทิตย์ พวกผมประชุมกันกับพี่ๆ น้องๆ ว่าจะหยุดการฟอกไตแม่ไว้เท่านี้เนื่องจากลูกๆ ได้ตอบแทนพระคุณท่านมาเป็นปีแล้ว
หลวงพ่อจึงบอกว่า...
คุณถามตัวเองสิเมื่อตอนคุณตัวเล็กๆ เป็นโรคอะไรก็ตาม ร้องไห้งอแงแม่พาไปรักษาไม่หายมาปีหนึ่งแล้ว คุณคิดว่าแม่คุณจะปล่อยให้คุณตาย หรือว่าแม่จะเทชีวิตให้คุณจนยอมหมดกระเป๋าเขาก็มองหน้าและตอบว่า แม่ย่อมเทชีวิตให้พวกผมแน่.!
หลวงพ่อก็ตอบว่าแล้วพวกเราจะเทกระเป๋าให้แม่แค่ปีเดียวอย่างนั้นหรือ.?
การบูชาผู้ที่มีพระคุณ กับเรานั้น ไม่มีคำว่ามากเกินไป โดยเฉพาะพ่อแม่ที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเรามา ที่ผ่านมาท่านเอาชีวิตปกป้องเรามากี่ครั้งกี่หนแล้วสิ่งเหล่านี้คือความปลอดภัยของเราด้วยทั้งชาตินี้และชาติหน้า
ในที่สุดเขาเลยบอกว่าจะกลับไปเตือนพี่ เตือนน้องอีกที
ขอบคุณข้อมูลจาก
พระธรรมเทศนา หลวงพ่อทัตตชีโว
11 สิงหาคม 2561
เพจพระครูธรรมธรอารักษ์ ญาณารักโข
https://www.facebook.com/pk.arak113/posts/2157818527766077
ภาพดีๆ 072
https://photoofdays.blogspot.com/
จากพระในวัด ถึงพระในบ้าน
Reviewed by สารธรรม
on
02:11
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: