ผ่าหลวงปู่พุทธะอิสระ ตอนที่ 1

ผ่าหลวงปู่พุทธะอิสระ 
(ตอนที่ 1 อลัชชี)


ใจจริงอยากเขียน "เรื่องประหลาดที่เกิดกับธรรมกาย" ต่อ บังเอิญน้องคนหนึ่งส่งคลิปรายการ New Talk ของช่อง TV18 มาให้ดู ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าช่องนี้มันเป็นอย่างไร ไม่เคยรู้จัก พูดก็พูดเถอะว่าเดี๋ยวนี้ช่องมันเยอะจนมึน ยิ่งเยอะการแข่งขันก็ยิ่งสูงตาม ใครก็อยากให้คนมาดูช่องตัวเอง บางช่องเลือกวิธีดึงดูดคนดูด้วยความจริง แต่บางช่องก็เลือกวิ่งไปตามกระแส ไม่ได้คำนึงถึงจรรยาบรรณหรือความถูกต้องดีงามอะไร วิธีไหนทำให้อยู่รอดได้ก็ต้องทำ ผมพยายามจะเข้าใจนะ

ผมคงไม่สนใจอะไร ถ้าคลิปนั้นไม่ใช่คลิปสัมภาษณ์ "ปู่" พุทธะอิสระ กับความเห็นกรณีธรรมกาย และลามไปสู่มหาเถรสมาคม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องเก่าลายครามนมนานมาแล้วทั้งนั้น พูดตรง ๆ ว่ามันน่าเบื่อ โดยเฉพาะคนที่ฟังแล้วเชื่อตามเนี่ย น่าเบื่อที่สุด 555 (มีหน้าที่แค่ฟังกับพยักหน้าตามไป ไม่เคยศึกษาอะไรเล้ยยย)

ปกติผมไม่ชอบปู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เกลียดแกตั้งแต่ไปเป็นแกนนำม็อบ จากนั้นก็เห็นความบ้าบอคอแตก ลงอ่าวลงเหว ขึ้นโรงขึ้นศาล แจ้งความคนนั้นคนนี้ เล่นปาหี่ พูดยกหางตัวเองหลอกชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องไปวัน ๆ พอมาได้ฟังสิ่งที่ปู่พูดในรายการเข้าก็เลยของขึ้น องค์ลงประทับ จึงขอรับหน้าที่สาวไส้แกให้ฟัง 555 ส่วนเรื่องที่เขียนค้างไว้นั้นขอติดไว้ก่อนก็แล้วกันครับ

รายการทีวีหรือสื่อที่เป็นกลางเดี๋ยวนี้หาดูหาอ่านยากครับ

"กลาง" ไม่ได้หมายความว่าไม่เข้าข้างใคร แต่หมายถึงที่เอาข้อมูลจริง ๆ ของแต่ละฝ่ายมาเสนอในแง่มุมต่าง ๆ ด้วยความเป็นธรรม แค่นี้ก็กลางสำหรับผมแล้วครับ ส่วนเสนอแล้วคนจะเฮไปทางไหนนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตามอัธยาศัย รักใครชอบใครไม่ว่ากัน

เราจึงเห็นช่องสุดโต่ง เช่น ทีนิวส์, อมรินทร์, เนชั่น ที่ถ้าพูดถึงธรรมกาย ก็ไม่มีอะไรดี เลวทุกเรื่อง ขนาดข้อมูลธรรมดาขี้หมูขี้หมาไม่มีอะไร พิธีกรยังหาทางเหน็บ ชี้นำ เปิดช่องให้ยำธรรมกายจนได้ ผมไม่ใช่ควาย ดูปุ๊บก็รู้แล้วว่าไอ้ช่องนี้มันไม่ได้เอียง แต่มันล้มหงายท้องไปแล้ว

จะมีกลาง ๆ ที่ผมว่าดูได้ เช่น รายการของจอมขวัญ ช่องไทยรัฐ จะเชิญฝ่ายไหนมาก็ช่าง เขาเปิดโอกาสให้พูดความคิดตัว และพิธีกรทำตัวเป็นฝ่ายตรงข้าม ถามในสิ่งที่อีกฝั่งคิดหรือสงสัย วัดกึ๋นคนตอบไป เคลียร์ไม่เคลียร์อย่างไรคนฟังตัดสินเอา ทำให้เราได้ข้อมูลที่ลึกขึ้นพอที่จะเอาไปคิดต่อได้เอง

หรืออย่าง Voice TV - บางคนว่าช่องนี้สีแดง แต่ผมว่ามันจะแดงไม่แดงก็ช่างเถอะ แต่ข้อมูลที่เขาบอกมามันมีเหตุผลในตัวของมัน มีการตั้งข้อสังเกต และกล้าแตะประเด็นที่หวาดเสียวในระดับพอดี แต่เมื่อวานได้ยินว่าถูก กสทช.พักใช้ใบอนุญาตไป 7 วัน ด้วยเหตุผลว่าเนื้อหาไม่เหมาะสม ยุยงให้แตกแยก (ผมต้องร้อง "มอ" รับใช่ไหมครับเนี่ย) แต่เบื้องหลังลึก ๆ แล้วระยำตำบอนมาก คือ แตะรัฐบาลทหารมากเกินไป

มาเข้าเรื่องของ "ปู่" กันดีกว่า ในเมื่อรายการมันเอียง พิธีกรเกือบจะเนียนว่าเป็นกลางละ แต่การเตรียมตัว เตรียมเอกสาร การพูดตอกย้ำความคิด ชงคำถาม มันทำให้รู้ว่าเล่นละครกันอยู่ ซึ่งคงหลอกคนดูที่ไม่รู้ได้พอสมควร แต่เพราะผมเกลียดปู่ ผมจึงทำตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับมัน เพื่อท่านจะได้ข้อมูลอีกด้านจากผมเอง
ขอเชิญรับชมรับฟังกันได้ ณ บัดนี้

Clip> พุทธอิสระ เปิดไตรปิฎก ลากไส้ธัมมชโย และผองเพื่อน 


พุทธอิสระ เปิดไตรปิฎก 
ลากไส้ธัมมชโย และผองเพื่อน


พิธกร
: พระคุณเจ้าเป็น "พระเกเร" อย่างที่ คณะสงฆ์ โฆษก มส. สำนักพุทธฯ นักวิชาการ เขาว่าหรือเปล่า

ปู่
: ถ้าเกเร ก็เกเรกับอลัชชีที่ไม่เคารพพระธรรมวินัย ฉันสู้แค่เพียง 1 รูป สู้กับคณะสงฆ์สามแสน สู้มา 2 ปีโดยใช้ความจริงในพระไตรปิฎก และพระธรรมวินัยมาเป็นเครื่องมือในการสู้กับพวกไม่เคารพพระธรรมวินัย ไม่ยอมรับพระไตรปิฎก แล้วอ้างพวกมากลากไป ฉันไม่แปลกใจเลยที่หลังพุทธปรินิพพาน 100 ปี พระยสกากัณฑกะองค์เดียวสู้ กับพระทั้งเมืองที่มักมากอยากได้ จนเกิดสังคายนาครั้งที่ 2 โดยมีพระเจ้าอโศกเป็นผู้ช่วย ฉันมองว่า ประวัติศาสตร์มันกำลังย้อนกลับหรือเปล่า เพราะสิ่งที่ฉันทำฉันพูดมันเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น

ผม 
: ปู่นี่แหละโคตรเกเรเลย คณะสงฆ์ สำนักพระพุทธฯ เขาพูดถูกแล้วละ ปู่ไม่ใช่แค่อลัชชีนะ แต่เป็นอลัชชั่วครับ อย่ามาอ้างธรรมวินัย พระไตรปิฎกเลย เหม็นขี้ฟัน แค่ปู่ออกไปลุยกับม็อบ เป็นแกนนำให้เกิดความรุนแรง ใช้อาวุธ มีส่วนในการทำร้ายคนบริสุทธิ์ให้บาดเจ็บล้มตาย ขึ้นโรงขึ้นศาล ฟ้องร้องคนนั้นคนนี้ ไม่ฟังคำท้วงติงแนะนำตักเตือนจากพระผู้ใหญ่ รวมกับพฤติกรรมที่ปู่ทำมา พระพุทธเจ้าคงไม่เรียกปู่ว่าพระดีหรอก สมัยนั้นอย่างนี้คือพระชั่วครับ


ผมนึกภาพพระพุทธเจ้าตรัสสรรเสริญปู่ไม่ออกเลย "พุทธะอิสระ เธอทำดีแล้ว จงก่อม็อบ จงต่อต้านรัฐบาล จงยุ่งกับการเมือง จงทำร้ายผู้คนเถิด"

บอกตามตรง ผมนึกได้แค่ไม่กี่ประโยค ที่น่าจะออกจากพระโอษฐ์พระองค์ คือ "โมฆบุรุษ การกระทำของเธอนั้นไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ" มากกว่า

สู้กับพระสามแสนมา 2 ปี คนเดียว - ไม่จริงหรอกปู่ ปู่ไม่ได้สู้คนเดียวหรอก คือ ปู่น่ะ เป็นหนึ่งในขบวนการล้มรัฐบาลประชาธิปไตย และคณะสงฆ์น่ะ 

ประเทศนี้มันมีตัวละครไม่มากหรอก มีเรื่องทีไรก็หน้าเดิม ๆ ออกมา อาจมีตัวใหม่มาชูโรงบ้างเป็นระยะ ๆ ดูแป๊บเดียวก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ที่ประเทศมันวุ่นวาย 10 กว่าปีมานี้เพราะเกมส์แห่งอำนาจและผลประโยชน์แท้ ๆ คือฝ่ายอนุรักษ์นิยม หรือพวกชนชั้นสูง ไฮโซ พวกเจ้าขุนมูลนาย พวกทหารที่ได้ประโยชน์ร่วมกัน รวมกับพวกที่ชื่นชมกับระบบนี้

ที่ไม่อยากให้มีอะไรเปลี่ยนไปจากความคุ้นเคยเดิม เพราะกลัว กลัวจะเสียผลประโยชน์ที่เคยได้ อำนาจที่เคยมีจะลดลง สารพัดจะกลัว ก็ต้องสู้ เพราะไม่กล้าออกจาก comfort zone ของตัวเอง

กับฝ่ายเสรีนิยม ที่เป็นทั้งคนชั้นกลาง ชั้นล่าง เริ่มมีความหวังกับชีวิต อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเก่า มีความมั่งคั่ง ลืมตาอ้าปากได้ มีความเสมอภาค อยากเป็นประชาธิปไตย พวกนี้คือพวกที่อยากให้มีความเปลี่ยนแปลง อยากมีสิทธิ์มีเสียงในสังคมไทย เป็น somebody ไม่ใช่ nobody จึงสู้เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ

สุดท้ายใครคุมอำนาจได้มากกว่าก็ชนะ ผมยอมรับได้นะว่าตอนนี้พวกอนุรักษ์นิยมยังคุมได้มากกว่า คนชนะก็เขียนกฎ ควบคุม แต่ประวัติศาสตร์โลกมันบอกว่า สุดท้ายฝ่ายอนุรักษ์จะแพ้ แต่อาจต้องใช้เวลา แล้วอำนาจมันจะ shift มาอีกข้างเอง ประเทศก็เกิดสมดุลใหม่ เรื่องแบบนี้ก็แค่รอว่ามันจะเกิดเมื่อไหร่เท่านั้นแหละ

ความชนะของฝ่ายอนุรักษ์เป็นเหมือนหินทับหญ้า หญ้าอาจจะแห้งเหี่ยว สีซีด แต่ไม่ตายหรอก พอเอาหินออก มันก็เขียว โตขึ้นมาใหม่ได้ ดังนั้นฝ่ายอนุรักษ์ก็ต้องเลือกว่าจะใช้วิธีใดให้อำนาจสมดุล - กดขี่บังคับ หรือแบ่งปันประนีประนอม

หลายประเทศที่ฉลาดจะเลือกประนีประนอม ผลคือไม่มีเลือดตกยางออก win-win ด้วยกัน แล้วต่างช่วยผลักดันประเทศไปข้างหน้า อนุรักษ์นิยมยังคงอยู่ได้ เสรีนิยมก็อยู่ได้ แต่ก็มีบางประเทศเลือกที่จะหัก ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายอนุรักษ์จะพ่ายแพ้ในที่สุด และอย่างบอบช้ำด้วยสิ

ประเทศไทยตอนนี้ก็คล้ายพม่า แค่แนบเนียนกว่าเท่านั้นแหละ แล้วดูสิวันนี้พม่าเป็นไง สุดท้ายก็ต้องคายอำนาจออกมา จะโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาเป็นหมาเห่าหอนตัวเดียวในโลกคงไม่ได้ ไทยก็เหมือนกัน ต้องใช้เวลา แต่หวังว่าจะไม่นานอย่างพม่านะ

ดูอย่างสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงเลิกทาสสิ พระองค์ยังต้องค่อย ๆ เลิกเลย เพราะถ้าเลิกแบบทันทีทันใด พวกชนชั้นสูงคงจะไม่ยอม เพราะเสียผลประโยชน์โดยตรง ไอ้ที่มีคนคอยพินอบพิเทาเอาอกเอาใจก็จะไม่มี แรงงานทำไร่ไถนาหายหมด เมื่อเป็นอย่างนี้ จะมีใครเต็มใจยอม

ทาสเองก็เหมือนกัน มีบางคนไม่พร้อมจะไปใช้ชีวิตด้วยตัวเอง เพราะไม่เคย กลัวไปไม่รอด ไม่มั่นใจจะไปทำอะไรกิน จึงคิดเป็นทาสเหมือนเดิม แต่ก็มีบางพวกอยากเปลี่ยนแปลง มั่นใจว่าตัวเองจะเอาตัวรอดได้ ไปดีกว่าเป็นทาสเขาไปตลอดชีวิต

ธรรมชาติของคนส่วนใหญ่ไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง เพราะทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย คนไทยเวลามีใครคิดจะทำอะไรใหม่ ๆ ก็จะตั้งแง่หาจุดผิดก่อน เหมือนแก้วที่มีน้ำครึ่งหนึ่ง เรามักเป็นประเภทมองว่าน้ำหายไปครึ่งหนึ่ง มากกว่ามีน้ำตั้งครึ่งแก้ว คนไทยจึงชอบวิจารณ์ จับผิด ตำหนิ แต่ไม่สร้างสรรค์ ว่าเขา แต่พอให้ทำบ้างก็ทำไม่ได้ 

ประเทศนี้จึงไม่ค่อยกล้าริเริ่มทดลองทำอะไรใหม่ ๆ เพราะหวังแต่ความเปอร์เฟ็กสมบูรณ์ ซึ่งมันไม่มีในโลกหรอก อย่างเช่น คนกลุ่มหนึ่งฝันว่าประเทศไทยจะไม่มีคอรัปชั่น ประเทศพัฒนากว่าเราเขายังทำไม่ได้เลย ที่ดีที่สุดคือ...มี แต่น้อย 

เราเป็นประเทศโลกที่สาม หวังให้รัฐบาลทหารมาแก้ปัญหา ไปดูสิ คอรัปชั่นบานเหมือนกัน พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ หัวหน้าคณะปฏิวัติ ตอนตายมีมรดกทิ้งไว้ 3,000 กว่าล้านบาท อาชีพทหาร เอามาจากไหนกันครับ (พวกเชียร์ทหารอย่าเงียบสิ)

ไปสังเกตได้ เมื่อไหร่รัฐบาลไหนจะเปลี่ยนแปลงอะไรมาก ๆ จนกระทบพวกอนุรักษ์นิยม ปฏิวัติรัฐประหารจะตามมา แล้วเริ่มนับหนึ่งใหม่ พวกอนุรักษ์จะดีใจ แห่แหนชื่นชม ส่วนชาวบ้านที่ไม่มีหวังอะไรกับชีวิตก็นั่งเฉย ๆ เหมือนข้าวรอฝน แต่ถ้าชาวบ้านหรือคนชั้นกลางมากขึ้น ปฏิวัติจะเกิดยากและถูกต่อต้านมากขึ้นเหมือนอย่างปัจจุบัน และอีกหน่อยจะปฏิวัติกันไม่ได้เลย เชื่อเถอะ

ถ้าปฏิวัติช่วยแก้ปัญหาประเทศให้เจริญก้าวหน้าได้ ประเทศคงเจริญไปตั้งแต่ปฏิวัติครั้งแรกแล้วละ ไม่ต้องรอมาถึง 13 ครั้งอย่างนี้ จึงมีคำกล่าวว่า "การแก้ปัญหาด้วยวิธีเดิม โดยหวังจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง เป็นความบ้าอย่างหนึ่ง"

>>ยอมรับเถอะปู่ ว่า ปู่คือ 1 ในเครื่องมือนั้น จะอ้างอะไรก็อ้างไป แต่พฤติกรรมปู่มันฟ้อง

ปู่บอกสู้คนเดียว ปู่ลองไปไหนมาไหนคนเดียวจริง ๆ สิ เกะกะระรานหาเรื่องผู้คนอย่างที่ปู่ทำมาน่ะ แต่ทำคนเดียวนะ ปู่กล้าไหม อย่าลืมหอบหรือคาบพระธรรมวินัย ความจริง หรือพระไตรปิฎกนั่นแหละไปด้วย

แค่ดูตอนปู่เอาของโสโครกทั้งหลายไปให้สมเด็จช่วง สมัยท่านเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่พระสังฆราช ที่วัดปากน้ำ ปู่ไปพร้อมสมุนบริวารมากมาย และที่สะเทือนใจคนพุทธอย่างผมอิ๋บอ๋าย คือการเห็นทหารอารักขาปู่ ถือปืนคุ้มกันปู่เข้าไปในวัด วัดของพระที่ทำหน้าที่แทนประมุขสงฆ์ วัดแบบนี้จะมีอันตรายอะไรหรือ

ไอ้ทหารที่ถือปืนเข้าไปก็หยามหัวใจชาวพุทธซะ วัดไม่ใช่สนามรบ เข้าไปไม่ต้องพกอาวุธหรอกมึง แค่นี้ก็เห็นแล้วว่าปู่มีแบ็คหนุนหลัง ไม่ได้สู้คนเดียวลำพังอย่างที่พร่ำบอกมา ถ้าในสถานการณ์ปกติ ประชาธิปไตย ตำรวจทหารคงเลือกที่จะปกป้องสมเด็จมากกว่าเลือกปู่นะ แต่นี่ตรงข้าม ผมเห็นความตกต่ำขององค์กรสงฆ์กับตาก็วันนี้แหละ...


ยอมรับว่าปู่เจ๋ง คู่ควรกับคำว่า "เลว" ที่สุด

ยังมีหน้ามาพูดว่าสู้กับพระสามแสนเหมือนพระยสะฯ สมัยสังคายนาครั้งที่ 2

>>แทนที่ปู่จะคิดว่าตัวเองแปลก ที่พระทั้งประเทศเขาไม่เอาด้วย กลับนึกว่าตัวเองดี พระอื่นเลวหมด นี่มันนิสัยคนพาลเลยนะ พระยสะฯ เป็นพระอรหันต์นะปู่ แล้ววิธีที่ท่านสู้ก็ใช้ธรรมวินัยจริง ๆ ไม่ใช่แค่แอบอิงอย่างปู่ อีกอย่างคือท่านไม่ได้สู้คนเดียว แต่ท่านไปหาพระผู้ใหญ่ทั้งแผ่นดินให้มาช่วยท่าน ซึ่งพระเหล่านั้นเต็มใจช่วย รวมกับพระเจ้ากาฬาโศกสนับสนุน (ไม่ใช่พระเจ้าอโศกนะปู่ ไปอ่านมาใหม่ นั่นมันสังคายนาครั้งที่ 3 แล้ว) ถ้าไม่มีใครหนุนท่านสู้ไม่ได้หรอก เหมือนปู่แหละ ต่างก็แต่คนช่วยปู่มีแต่คนพาล ดังนั้นอย่ามาเทียบตัวกับพระยสะฯ เลย มันเหมือนหมาขี้เรื้อนกับราชสีห์ ละอายบ้างเถอะ ทู่เรศจริง ๆ <<<

ปู่อย่ากังวลว่าประวัติศาสตร์มันจะย้อนกลับไหม เพราะสมัยนั้นประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าเป็นความเจริญของพระศาสนา แต่ของปู่จะถูกบันทึกว่า เอ็งคือตัวทำลายพระพุทธศาสนา จำไว้ด้วยละกัน

พรุ่งนี้จะมาเล่าให้ฟังว่าที่ปู่บอกมีพระธรรมวินัย พระไตรปิฎกเป็นเครื่องมือน่ะ มั่วอย่างไร คนอ่านจะได้รู้ไว้ ที่บอกว่า "สิ่งที่ฉันทำฉันพูดมันเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น" มันโกหก

เจอกันพรุ่งนี้นะคุณปู่อลัชชี หรือถ้าสมัยนี้ต้องเรียกว่า "อันธพาล"

วันนี้ถือว่าอารัมภบทพรุ่งนี้ค่อยชันสูตรศพปู่ให้ดูกันครับ

คมความคิด 
28 มีนาคม 2560
ผ่าหลวงปู่พุทธะอิสระ ตอนที่ 1 ผ่าหลวงปู่พุทธะอิสระ ตอนที่ 1 Reviewed by สารธรรม on 18:54 Rating: 5

1 ความคิดเห็น:

  1. กฏแห่งกรรม ไม่เคยลืมผู้กระทำ
    "ปลูกถั่วได้ถั่ว ปลูกงาได้งา"

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.