DSI คงถึงบางอ้อ! คดีรถเก่าจดประกอบ "ปลงอาบัติก็ตกไป" : เจ้าคุณเบอร์ลิน


กาง ม.161(1) พ.ร.บ.สรรพสามิต

จึงถึงบางอ้อ.!

ทำไมสมเด็จช่วงจึงเอ่ยแค่ 

"ปลงอาบัติก็ตก"


พวกปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
จงสังวรไว้ โบราณว่า..
"อาบน้ำร้อนมาก่อน"
ทรงความหมายทุกยุคสมัย


เข้าเรื่องเลยนะครับ
โพสต์นี้ ผมจะขออนุญาตแจง
เรื่องสำคัญ 2 เรื่องคือ..

    เรื่องที่ 1    

เรื่องมาตรา161 (1) 
พ.ร.บ.สรรพสามิต

ที่ DSI หมายมั่นว่าจะจัดใส่พาน
ไปถวาย แก่หลวงพ่อสมเด็จช่วง
ให้ได้กรณีรถโบราณ ตามที่ได้
แถลงไว้ดังที่ผมได้แนบมาด้วย
แล้วนี้.!

   เรื่องที่ 2    

เรื่องที่พุทธอิสระ
ได้กล่าวหาว่าในอดีต..

หลวงพ่อสมเด็จช่วง
เคยหนีการกล่าวหา " เรื่องสีกา "
แบบหัวซุกหัวซุนไปอยู่ถึงเนปาล

เกริ่นเรื่อง

กว่าจะเป็นรถโบราณได้ สังคม
ก็ถูกปั่นจนสับสนต่อจากนี้ไป
ขอกรุณาให้ทราบทุกสื่อว่าเอกสาร
ราชการทั้งหมดจะต้องเรียกว่า..

" รถโบราณ หรือรถเก่า "

(จดประกอบ) นะครับ !

ไม่ใช่เรียก "รถหรู" ดังที่เคยใส่ไข่
มาตลอด แบบมีเจตนาชักจูงแฝง
จนสังคมมองพระสงฆ์ในพระพุทธ
ศาสนาในด้านลบไปหมดดังเอกสาร
DSI ที่ผมแนบมานี้แล้วครับ

เมื่อวาน มีคนสำคัญจากเมืองไทย
ได้ส่งคำแถลงของ DSI กรณีรถ
โบราณ ของหลวงพ่อสมเด็จช่วง
มาให้ผม ทีแรกส่งข่าวจากสื่อมาให้
ก่อนแต่ผมเรียนบอกกลับไปว่า..

"เอาคำ หรือเอกสารที่ DSI 
แถลงโดยตรงมาดีกว่า 
จากสื่อรายงานอย่างเดียว 
ไม่ว่าสำนักไหน ไม่เอาครับ "

ที่ผมต้องเน้นกลับไปแบบนี้เพราะ
ผม และทีมงานเกรง และป้องกัน
กันไว้คือนานๆ เข้าผมก็ชักรู้สึกว่า
ไอ้แก๊งค์คนพาลพวกนี้มันชักจะ
ชำนาญในการทำชั่ว ในเรื่องแถกแถ
แก้ตัวไปน้ำขุ่น ยิ่งขึ้นไปทุกวันครับ

คือมักสร้างเรื่องเท็จ ขึ้นมาเสนอ
สังคม และนำไปร้องเรียนได้แทบ
ทุกวัน แต่พอสังคมจับได้ไล่ทัน
มันก็ไปน้ำขุ่นๆ 

จากนั้นก็ไปวางแผนกับสื่อนอกรีต
ฝ่ายมันแกล้งทำเฉย แกล้งทำลืม
แล้วปล่อยให้เรื่องเงียบไปทุกที
ตัวอย่างเรื่องใหญ่แต่เงียบก็คือ..

     เรื่องเงียบที่ 1     

เรื่อง เงินอุดหนุนสังฆราช
กว่า 300 ล้านบาท

ที่ทุกวันนี้แทบจะหายไปซึมเข้า
ไปในผนังกำแพงวัด..ไปแล้ว
ซึ่งในตอนแรกๆ หน่วยกล้าตาย
ทั้งหลาย ผมก็ไม่อยากจะเอ่ยชื่อ
แล้วครับ เพราะมันตายไปกับ
ความกล้าของมันไปแล้ว

ก็ได้วางแผน ที่มั่นใจกะจะใช้
เป็นหมัดเด็ด เพื่อน็อควัดสระเกศ 
และวัดปากน้ำให้ตายกลางตลาด
โทษฐานเอาเงินส่วนนี้ไปใช้

แต่สุดท้าย..
เทวดาเขาไม่เล่นด้วยกลับกลายเป็น
บ่วงบาศย้อนมาตัดคอพวกเดียวกัน
ชะงั้น จนโดนปรี๊ดแตก แทบไปกัน
ไม่ถูกทั้งก็ยังกลายเป็นผีเปรต

ถูกเจ้าคุณเบอร์ลินและทีมงาน
ลอกคาบ ยืนตายซากล้อนจ้อน
กลางสนามวัดอดีตสังฆราชที่
เพิ่งสิ้นไปอีก.!

ซ้ำร้ายเจ้าของเรื่องหลักผู้เบิก
" กินเงียบ " ที่เป็นสมภารเจ้าวัด
ต่อมา ที่หวังส้มหล่นก็ยังหน้าด้าน
นั่งยิ้มทำไม่รู้ไม่ชี้ นั่งสมาธิทับ
กองขี้ที่ไอ้พุทธอิสระมันถ่ายไว้
เลอะสำนักตนแบบไร้ศักดิ์ศรีชะอีก

มีสภาพแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ชนิดอดีตบุพพาจารย์ของสำนักแทบ
ร้องไห้ กับการเสื่อมเสียเกียรติที่มา
ป่นบี้แทบไม่มีชิ้นดีในยุคตนเองไปอีก
ด้วยนี้เรื่องเป็น เงียบเรื่องที่ 1


    เรื่องเงียบที่ 2    

ก็คือเรื่องการตีความ ม.7
พ.ร.บ.สงฆ์ หมวดที่มาสังฆราช
ที่เป็นการตีความระหว่าง ..

ผู้ตรวจการแผ่นดิน 
และคณะกรรมการกฤษฎีกา

ซึ่งผลของการตีความเรื่องนี้
มีบทสรุปที่พวกแก๊งค์ชั่วก็ยังอยู่
ในอาการมึนมาถึงทุกวันนี้.!

นั่นก็คือ ผลการตีความของ
หน่วยงานรัฐบาลเดียวกันดันออก
ไปคนละทิศคนละทาง ดังที่ทราบ
เริ่มตั้งแต่ผู้ตรวจการแผ่นดินที่เซ่อ
ไปรับเรื่องจาก


ไอ้จุก ไอ้เปียที่ไหนก็ไม่รู้.?

ที่ไม่ได้มีส่วน หรือมีหน้าที่
เกี่ยวข้องใดๆ เลย คือไม่มี
คุณสมบัติยื่นเรื่องนั่นเอง..

แล้วก็ดันทุรังนำมาตีความส่งเดช
อีกทั้งก็ยังไม่ใช่อำนาจ และหน้าที่
ของตนเองอีกต่างหาก สร้างความ
เสียหายในวงกว้างอย่างน่าตกใจ
โดยเฉพาะกลุ่มชาวพุทธ

จนภายหลัง ดร.วิษณุ เครืองาม 
ต้องออกมาเบรค ก่อนที่จะลามไหม้
รัฐบาลทั้งกลุ่ม แล้วก็ต้องไปยื่นให้
หน่วยงานที่มีหน้าที่ตีความโดยตรง
คือ กฤษฎีการับไป.!

ซึ่งผลสุดท้าย ก็คือไปยุติ
ที่กฤษฎีกา ที่ยังพอให้สังคม
ได้พึ่งได้บ้าง ซึ่งมีผลออกมาแบบ
ตรงข้ามกับผู้ตรวจการแผ่นดิน
ชนิดแตกต่างกัน โดยสิ้นเชิง

ข่าวว่าผลงานที่กฤษฎีกา
ตีความออกมาแบบผิดคาด
ที่แก๊งค์ชั่วได้หวังไว้นี้.?

" เล่นเอามีคนสำคัญ..
ของแผ่นดินคนหนึ่งถึงกับ
ลมออกหู.. 

เสนอให้ยุบสำนักงานผู้ตรวจการ
แผ่นดิน หรืออีกทางออกคือ
ให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาใช้
อำนาจ ม.44 สั่งให้ผู้ตรวจการ
แผ่นดินออกไปเลย "

เพราะงานนี้นอกจากจะเป็น
ผลงานออกมาแบบตรงข้ามที่
แก๊งค์ชั่วอุตส่าห์วางแผนที่
ว่าเนียนแล้ว.!

แต่ผลลัพธ์กลับพลาดแบบไม่น่า
ให้อภัยและยังได้สร้างความผิด
พลาดเป็นตราบาป และมีความผิด
มหันต์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน
โดยรวมอย่างยิ่งอีกด้วย

เรียกว่า พลาดหลายเด้ง.!

ที่สำคัญสูงสุด คือถือว่าผิดต่อ
พระบรมราชโองการ ที่ได้ทรงไว้
วางพระราชหฤทัย และโปรดเกล้าฯ
แต่งตั้งกันเลยทีเดียว

ยุทธการ.! 
"ตัดช่องน้อยแต่พอตัว" 
เพื่อหาทางออกให้นายก 
แต่แปะคดีอาญาแก่พระชรา

สุดท้าย..

 จึงเป็นที่มาของการหาทางออก
จากการผิดอาญาจาก ม.157
ที่ทำไปทำมาจะทำผิดฐานละเว้น
และอาจก้าวล่วงพระราชอำนาจ
เสียเอง ให้กับนายกรัฐมนตรี
ผู้เป็นนาย

ที่กฎหมายระบุชัด เรื่องอำนาจ
และหน้าที่ ที่จะต้องนำรายชื่อ
ที่ มส. ส่งมา นำขึ้นทูลเกล้าฯ
เท่านั้น ชนิดแบบเลี่ยงทางไหน
ก็ไม่ได้เสียด้วย

ด้วยวิธีการที่ให้ DSI รีบไปแปะ
คดีอาญาเรื่องรถโบราณ
(จดประกอบ) 
แก่หลวงพ่อสมเด็จช่วง 
ดังที่ผมได้โพสต์แจงไปแล้ว
แนบเนียนไหมละครับ.!

ธรรมดาแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม
ด้วยความที่ทุกวันนี้ รัฐบาลมาแบบ
ไม่ถูกต้อง บ้านเมืองก็ไม่ปกติ
ผู้มีอำนาจบริหาร จึงไม่ยึดหลัก
กติกา หรือความถูกต้องหรือ
กฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น

เห็นได้จากการที่รัฐได้ใช้อำนาจ
ก้าวล่วง แม้กระทั้ง เข้ามาในเขต
ศาสนจักร ที่เขาอยู่อย่างสงบมา
เป็นร้อยๆ ปี

เมื่อคนชั่วได้ตั้งธงไว้

แล้วก็ยึดแต่ "กฎเส้น" 

เพียงอย่างเดียว ทิ้งกฎหมาย
มุ่งใช้อำนาจ แบบเกินขอบเขต

ดังนั้นที่ผ่านมา นี้จึงเป็นสาเหตุ
ความฉิบหายบนแผ่นดินในแทบ
ทุกเรื่องซึ่งมันก็มาจากไอ้หน่วย
งานรัฐบาลที่ใช้อำนาจตามอำเภอ
ใจนี้แหละครับ

การที่รัฐใช้อำนาจในทางผิด
เช่นนี้ ก็เปรียบเสมือนเชื้อโรคร้าย
ในสังคมดีๆ นี้เองถือเป็นศูนย์แห่ง
ความสับสนทั้งมวล

ด้วยเหตุผล และตัวอย่างลฃ
เพียง 2 เรื่องใหญ่ ๆ 

นี้ที่ไม่นับเรื่องย่อยอีกมากมาย
ดังนั้น ผมและทีมงาน จึงขอร้อง
ให้แหล่งข่าวว่าจากนี้ไปต้อง
พยายามกรองข่าว และส่งข่าว
แบบมีเอกสารราชการที่หน่วย
งานนั้นๆ รับรองเป็นดีที่สุดจึง
ค่อยนำมาพิจารณานำเสนอต่อ
สังคมต่อไป

ทั้งนี้จุดใหญ่ ก็คือป้องกันคนพาล
มันแถกแถแก้ตัวว่า..

"ไม่อย่างนั้น ไม่อย่างนี้" 

หรือแกล้งเงียบไปเสียเฉยๆ
ดังตัวอย่างข้างต้นเล่นกับ
ไอ้พวกพาลกลุ่มนี้ ต้องจับให้มั่น
คั้นให้ตายคามือครับมันจึงจะยอม.!

สาระ

ทำไมหลวงพ่อสมเด็จช่วง
จึงเอ่ยสั้นๆ ตั้งนานแล้วว่า

"เรื่องนี้ แค่ปลงอาบัติก็ตก"

แรกๆ ผมก็ยอมรับละครับว่า
ยังไม่แจ้ง และคิดว่าไอ้พวกชั่ว
มันคงไม่หยุดแน่ แค่คำพูดที่ดู
เหมือนง่ายๆ เช่นนี้

แต่มาวันนี้ ผมและทีมงานที่ว่า
แน่ๆ มีกว่าร้อยคนหลายสมองก็
ต้องเรียกว่า ยังตาค้าง และทำให้
หวนคิดถึงคำโบราณว่า

"ผู้ใหญ่เขาอาบน้ำร้อนมาก่อน"

ผมและทีมงาน ณ วันนี้ก็คงต้องเดิน
ไปคุกเข่ากราบแทบเท้าหลวงพ่อ
สมเด็จช่วง และยอมรับอย่าง
สิโรราบว่า..

"หลวงพ่อแน่จริงๆ ครับ 
หลวงพ่อยิ่งกว่าเซียนกฏหมาย 
ยิ่งกว่าพระโสดาชะอีกนะครับ"



      เรื่องที่ 1     

เป็นยังไงมาดูครับ

เมื่อผมได้รับ คำแถลง

ของ DSI แบบเต็ม 

และนำมาพิจารณาอย่างละเอียด
ดังที่แนบมาตอนท้ายนี้ ซึ่งสรุป
ความว่า..

" จะดำเนินคดีกับผู้ครอบครองรถ 
(หลวงพ่อสมเด็จช่วงตามที่ปรากฎ
ชื่อผู้ครอบครอง) ตามความผิด 
ม. 161 (1) แห่ง พ.ร.บ. สรรพสามิต "

ในวงเล็บคือความผิดที่ DSI
จะนำมาถวายหลวงพ่อสมเด็จช่วง
ในความผิดเรื่องรถเก่า(จดประกอบ)
ก็อยากจะบอกแฟนเพจว่าคดีนี้
นับถึงวันนี้ ใครก็ได้ครับ

ช่วยคิดดูหน่อยว่า DSI 
และผู้เกี่ยวข้อง ใช้เวลานาน
เท่าใด และน่าจะสิ้นเปลือง
งบภาษีประเทศไปเท่าไร ?
ในการทำคดีนี้ เผื่อต่อไปจะ
ได้เรียกค่าเสียหายถูก.!

กาง ม.161(1) พ.ร.บ.

สรรพสามิต คือคำตอบว่า 

"แค่ปลงอาบัติก็ตก"

ทุกท่าน กรุณาเลื่อนลงไปดู
รายละเอียด พ.ร.บ.สรรพสามิต
ในมาตรานี้ ที่ผมได้แนบภาพ
มาด้วยแล้วนี้กันเลยครับแล้ว
ทุกท่านจะแจ้งแบบ 3 โลก
ไอ้ที่ว่า ..

"ผู้ใหญ่เขาอาบน้ำร้อนมาก่อน 
และเป็นเด็กปากยังไม่สิ้น
กลิ่นน้ำนม"ที่ผมจั่วหัวข้อไว้นั้น "

มันมีความหมาย และทรงค่าอย่างไร
ดูกันให้ชัดๆ เลยครับ และช่วย
กอปปี้ส่งไปที่ท่าน รมว.ยธ. 
กับอธีบดี DSI ด้วยก็ยิ่งดี
มาตรา 161 (1) พ.ร.บ.ภาษี
สรรพสามิต พ.ศ. 2527 มีว่า..

มาตรา 161 ผู้ใด
(1) มีไว้ในครอบครอง 
ซึ่งสินค้าโดยรู้ว่า เป็นสินค้า
ที่มิได้เสียภาษี 
หรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน 

เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ประกอบ
อุตสาหกรรมมีไว้ในโรงงาน
อุตสาหกรรม หรือในคลัง
สินค้าทัณฑ์บน

เป็นไงครับ แจ้งหรือยัง?

ไม่ต้องส่งตีความหรอกแค่นี้ชัด
ขนาดนี้ให้เข้าใจง่ายๆ นั้นก็คือ
DSI ได้แถลงแจงข้อหาต่อห
ลวงพ่อสมเด็จช่วงว่า ..

"เสียภาษี ไม่ครบถ้วน"

ทุกท่านจงย้อนไปอ่านข้อความ
ต้นๆ ของมาตรานี้ตรงข้อว่า..

"ผู้ครอบครอง .." โดยรู้ว่า.."

แล้วทุกท่านจะแจ้งในคำว่า 
"แค่ปลงอาบัติก็ตก"

เพราะข้อเท็จจริง ตามพยาน
หลักฐานคือหลวงพ่อสมเด็จช่วง
ท่านบอก..

" (กู) ไม่รู้ว่า..."

เมื่อเป็นเช่นนี้ ตามมาตรานี้
มันจะมีความผิด "แมว" อะไร
ละครับตรงนี้ไงครับ คือคำอธิบาย
ในข้อความที่ผมได้จั่วไว้ข้างต้น

โพสต์นี้ 
และก็ต้องยอมรับแบบคนอาบ
น้ำร้อนทีหลัง และปากยังไม่สิ้น
กลิ่นน้ำนมว่า..

"เซียนกฎหมาย และเซียน
พระธรรมวินัย คือหลวงพ่อ
เรานี้เอง "

แจ้งและจบกับอมตวาจาว่า..
"แค่ปลงอาบัติก็ตกแล้ว"
กันนะครับ.!

สรุปย้ำตรงนี้ คือ..

ก็กูบอกว่า กูไม่รู้ มึงจะมาบอก
แทนกูว่ากูรู้ได้ยังไง ไอ้เวรเอ้ย
จบเรื่องนี้ได้แล้วนะครับ.!


     เรื่องที่ 2     

นรกกินกระบาล

นั้นคือพุทธอิสระ 

กล่าวหาว่า..
หลวงพ่อสมเด็จช่วง " หนีสีกา"
ไปอยู่เนปาล.!

เรื่องนี้วงนักพูดเขาจะพูดแบบ
ไม่ต้องอธิบายว่า..

นรกไม่กินหัว มันหรอกครับ 
เพราะมันอยู่ในนรกอยู่แล้ว 

เรื่องนี้ มาดูรายละเอียดนิดครับ
ตามข้อเท็จจริง บังเอิญผมก็เคย
ได้ยินมา และจำได้แม่นด้วย
คือเรื่องนี้มีว่า ..

" เรื่องนี้ หลวงพ่อสมเด็จเกี่ยว 
อาจารย์ผม เคยเล่าให้ผมฟังว่า
สมัยก่อนราวช่วงฉลอง 25 
พุทธศตวรรษ ตัวท่านคือ

สมเด็จเกี่ยว 
และสมเด็จช่วง วัดปากน้ำ
สมัยยังเป็นพระเด็กๆ นั้น 

ต่างเกิดได้มีกุศลเจตนาแรงกล้า 
คิดที่จะไปทำการบูรณะลุมพินี 
สถานที่ประสูติพระพุทธเจ้าที่
ประเทศเนปาลกันเป็นการคิด
แบบง่ายๆ 

โดยไม่รู้ข้อกฎหมายของท้องถิ่น 
และกฎหมายของหน่วยงาน 
ที่เรียกว่ายูเนสโก้ที่มีหน้าที่ 
ขึ้นทะเบียนโบราณสถานทั่วโลก
เมื่อคิดได้เท่านั้น 

จึงพากันเดินทางไปเนปาล
กัน 2 คนแต่พอไปถึงกลับไม่
สามารถทำการบูรณะได้ดัง
ที่ตั้งใจไว้แต่แรกเพราะปัญหา
ในข้างต้น

ดังนั้นตัวท่านคือ..
หลวงพ่อสมเด็จเกี่ยว
ท่านจึงเดินทางกลับไทยก่อน
แต่หลวงพ่อสมเด็จช่วงท่านมี
เจตนาแรงกล้าที่จะหาทาง
บูรณะลุมพินีตามต้องการให้ได้

ท่านจึงจำพรรษาอยู่ที่วัด
ที่สร้างกุฎิด้วยดินที่เนปาล
เพื่อหาหนทางที่จะสานเจตนา
ครั้งนี้ให้สำเร็จให้ได้แต่สุดท้าย
ก็ไม่สำเร็จจึงเดินทางกลับเมืองไทย "

นี่คือบอกคำเล่าที่ผมจำมาจากการ
บอกเล่า ของหลวงพ่อสมเด็จเกี่ยว
เมื่อกว่า 40 ปีก่อนครับ

คนนรกก็ยังดันมาต่อเรื่องจากคนที่
เขาคิดสูงทางสวรรค์สร้างบารมี
จะคิดบูรณะสังเวชนียสถานอัน
สำคัญสูงสุด ของพระพุทธเจ้าซึ่ง
เป็นมหากุศลใหญ่

แต่พวกมันก็ดันคิดต่ำ.! 
ปั้นเรื่องไปเป็นการหนีสีกา 
แบบหัวซุกหัวซุนไปได้ 
ดูพฤติกรรมชั่วมันซิครับ.!

ใครมันจะหนีความชั่วไปยัง
สถานที่สำคัญเช่นนี้หรือ.?

สู้หนีไปอยู่กลางม๊อบแจ้งวัฒนะ
ไม่ดีหรือ ไอ้เวร !!!! กูว่าโลกนี้
คงมีแต่มึง นะแหละที่จะคิด
แบบนี้ได้.!

ใครมาอ่านตรงนี้..
จะเชื่อผมก็เชื่อได้เพราะเรื่องจริง
มันเป็นแบบนี้ครับ.!

ส่วนใคร..
ยังจะไปเชื่อไอ้พระบ้าอยู่อีกที่วันๆ
มันเอาแต่เดินตาโปน ไร้ราศรีมอง
ยังไง ก็ไม่เห็นจะมีสมณสารูปใดๆ
เข้าพรรษา ออกพรรษากูก็ไม่สน
เดินทางไปขึ้นลงศาล

แจ้งความหาเรื่องเท็จมา
แปะคนอื่น ได้ทุกวี่ทุกวันอยู่นั้น
ก็ตามใจนะครับ.!

อ่านจบแชร์เลยครับ.!

โดยเฉพาะเรื่อง 
มาตรา 161 (1) 
พ.ร.บ.สรรพสามิต 

ผู้คนจะได้ไล่ทัน คนโฉด+++
ผมขอจบโพสต์ โดยไม่ต้อง
สรุปนะครับ เพราะแจ้งชัดอยู่แล้ว.!

โชคดีมีชัยทุกท่านครับ
เจ้าคุณเบอร์ลิน
Berlin,den 29.07.2016


เอกสารแนบประกอบบทความ


ขอบคุณภาพประกอบ
ไทยรัฐออนไลน์,ผู้จัดการออนไลน์
google.com


เพราะความลับไม่มีในอากาศ
DSI คงถึงบางอ้อ! คดีรถเก่าจดประกอบ "ปลงอาบัติก็ตกไป" : เจ้าคุณเบอร์ลิน DSI คงถึงบางอ้อ! คดีรถเก่าจดประกอบ "ปลงอาบัติก็ตกไป" : เจ้าคุณเบอร์ลิน Reviewed by สารธรรม on 02:35 Rating: 5

16 ความคิดเห็น:

  1. ความจริงมีมานานแล้ว ชัดเจนทุกเรื่อง แต่ dsอาย ทำเนียนทำเฉย รุกแต่เรื่องชั่วๆที่ตัวเองวางแผน คนทำผิดจริงๆไม่ได้สนใจไปจัดการจริงๆ เก็บภาษีประชาชนไปเป็นเงินเดือนคนพวกนี้ สลด

    ตอบลบ
  2. สมเด็จท่านบริสุทธิกาย วาจา ใจ ใครจะยื่นสิ่งเลวท่านไม่รับเพราะท่านอยู่ในศีลที่บริสุทธิ์มาตลอดชีวิต

    ตอบลบ
  3. คนนรก ก็ย่อมคิดแต่เรื่องชั่วๆ เพราะมาจากนรก คิดดีๆไม่ได้หรอก

    ตอบลบ
  4. คนนรก ก็ย่อมคิดแต่เรื่องชั่วๆ เพราะมาจากนรก คิดดีๆไม่ได้หรอก

    ตอบลบ
  5. ความจริงย่อมเป็นความจริงวันยังค่ำ ใครที่คิด/ทำกับพระต้องได้รับกรรมแน่นอน

    ตอบลบ
  6. กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ที่ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ความจริงที่บริสุทธิ์จะขจัดความชั่วให้หมดไป

    ตอบลบ
  7. กระจ่างจริงๆ อ่านไว้ให้รู้ทันคนชั่ว
    ความลับระดับ Top secret !

    ตอบลบ
  8. แจ่มแจ้งชัดเจนที่สุด !!!
    สถานการณ์วิกฤติพระพุทธศาสนาที่เกิดขึ้นนี้ เพราะมันสอดคล้องรับกันกับ "แผนการขบวนการทำลายล้างพระพุทธศาสนาให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย" โดยมีพวกขายชาติ ขายศาสนาร่วมขบวนการอยู่ด้วย ??? ตื่นเถิดชาวพุทธ !!! ให้รู้เท่าทันสถานการณ์และมาทำหน้าที่ชาวพุทธที่แท้จริง ในการปกป้องพระพุทธศาสนาให้ถึงที่สุดฯ

    ตอบลบ
  9. กูละเบื่อมึงจริงๆเลย......อิสระ
    เมื่อไหร่มึงจะเลิกเล่นลิเก
    หลอกสังคม เสียทีหว่ะ?
    ระวังนะ.......
    ระวังจะไม่คุ้มกับค่าจ้าง
    ที่รับงานมานะ....
    เงินทอง กินใช้ก็ไม่กี่ปี
    สนุกเพลิดเพลินก็ไม่กี่วัน
    แต่วิบากกรรมที่จะได้รับนะซิ......
    โอ่โห้ !!!!!!!! มันสุดสยองนัก
    อยู่โดดเดี่ยว เดียวดายในที่มืดสนิท
    ยาวนานแสนๆๆๆๆๆๆนานทีเดียว
    โอ่ !!!! มันไม่คุ้มเลย

    ตอบลบ
  10. กูละเบื่อมึงจริงๆเลย......อิสระ
    เมื่อไหร่มึงจะเลิกเล่นลิเก
    หลอกสังคม เสียทีหว่ะ?
    ระวังนะ.......
    ระวังจะไม่คุ้มกับค่าจ้าง
    ที่รับงานมานะ....
    เงินทอง กินใช้ก็ไม่กี่ปี
    สนุกเพลิดเพลินก็ไม่กี่วัน
    แต่วิบากกรรมที่จะได้รับนะซิ......
    โอ่โห้ !!!!!!!! มันสุดสยองนัก
    อยู่โดดเดี่ยว เดียวดายในที่มืดสนิท
    ยาวนานแสนๆๆๆๆๆๆนานทีเดียว
    โอ่ !!!! มันไม่คุ้มเลย

    ตอบลบ
  11. ใครๆก็ไม่คบหาท่านอิสระ

    ตอบลบ
  12. ใครๆก็ไม่คบหาท่านอิสระ

    ตอบลบ
  13. พระพุทธศาสนามีภัย คนไทยพุทธต้องช่วยกัน

    ตอบลบ
  14. ทำอกุศลกรรมกับพระมหาเถระผู้ทรงศีล-ทรงธรรม
    ค่าจ้างที่ได้มาใช้ได้ไม่นาน
    แต่ทุกข์จากกรรมที่ทำเอาไว้ยาวนานจน...
    อยากจะบอกว่าน่าสมเพชเวทนา
    กับคางคกขึ้นวอ....จริงๆเลย

    ตอบลบ
  15. ทำอกุศลกรรมกับพระมหาเถระผู้ทรงศีล-ทรงธรรม
    ค่าจ้างที่ได้มาใช้ได้ไม่นาน
    แต่ทุกข์จากกรรมที่ทำเอาไว้ยาวนานจน...
    อยากจะบอกว่าน่าสมเพชเวทนา
    กับคางคกขึ้นวอ....จริงๆเลย

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.