เจ้าคุณเบอร์ลินแจง " ให้ " เหตุใดนายกอาจต้องคดีอาญา จาก พ.ร.บ.สงฆ์ ม.7

คำว่า " ให้ " ตัวเดียว

ใน ม.7 พ.ร.บ.สงฆ์ อาจเป็น

เหตุให้นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ

 
พล.อ.ประยุทธ์
ต้องคดีอาญาเสียเองเอาไงดี.?


เรื่อง การตีความ ม.7 พ.ร.บ. สงฆ์
ของ กฤษฎีกา ต้องถือว่ากำลังฮอต
ในสังคมไทยวันนี้..


เจ้าคุณเบอร์ลิน และทีมงาน
จึงอยากจะถือโอกาสนี้ได้ให้สติ
ให้ปัญญาต่อสังคมครับ.!


เป็นการให้แบบบ้านๆ ที่เข้าใจง่ายๆ
คือพูดแบบให้คนเข้าใจง่าย ที่ไม่ต้อง
เสียเวลา เปลืองภาษีชาวบ้านที่จะต้อง
ส่งไปตีความ หรือแกมบังคับให้ฟังให้
เสียเวลาไม่ใช่ใครก็ไม่รู้ พูดเหมือน
คนอาชีพเดี่ยวไมโครโฟนแบบเอามันส์
ในอารมณ์ ที่พูดมาเป็นปีๆ ชาวบ้าน
ฟังเท่าไรๆ ก็ไม่รู้เรื่อง

อีกทั้งการกระทำกับการพูดและผลงาน
ก็ไปคนละทิศละทางขึ้นทุกที อันนี้ใคร
จะไปหมายถึงใคร รายการทีวีไหนก็ไป
หาคำตอบเองก็แล้วกันนะครับผมไม่เกี่ยว


ที่มาของกฎหมายทุกฉบับ

ที่บังคับใช้ในแผ่นดิน

ลำดับขั้นตอนการออกรัฐธรรมนูญ
และกฎหมายทุกฉบับ ที่มีผลบังคับใช้
ในประเทศ

เริ่มแรก คือจากสภาฯ 2 สภา
ร่วมกันพิจารณา
จากนั้น ก็จะนำขึ้นกราบบังคมทูล
เพื่อลงพระปรมาภิไธย


นี้คือ ลำดับขั้นตอนในการออกกฎหมาย
ในการตรา พ.ร.บ. ทั่วไป ในแต่ละฉบับ
ของไทยเราที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
ประมุขแผ่นดิน เมื่อทรงลงพระปรมาภิไธย
แล้ว (เน้นว่า ลงแล้ว) นั้นก็เท่ากับว่า ...

ทุกๆ ตัวอักษร ทุกคำพูด ข้อความ
เนื้อหา ข้อห้าม ข้อปฎิบัติ คือทุกสิ่ง
ทุกอย่างในกฎหมาย ที่เรียกเป็น
ทางการว่า พ.ร.บ.ฉบับนั้นๆ จะต้องถือว่า

"เป็นคำ ของพระเจ้าอยู่หัวทั้งสิ้น"

จากนั้น ปชช. ในประเทศทุกคนไม่มียกเว้น
ก็จะต้องปฏิบัติตาม มิเช่นนั้นก็จะต้องมี
ความผิด และได้รับโทษตามที่กำหนดไว้
นี้คือขั้นตอนการออกกฎหมาย และ
ความหมายของการลงพระปรมาภิไธย
และขั้นตอนในการรับมาปฎิบัติต่อไป



กรณี ม.7 พ.ร.บ. สงฆ์ หมวด

การสถาปนาสังฆราช


ประเด็นสำคัญในการอธิบายใน
โพสต์นี้ ดังนี้ครับ !

   ประเด็นที่ 1  

ขอย้อนสรุปผลกฎษฎีกาตีความ
ออกมา 3 ข้อดังนี้


    1.1   
มส. มีอำนาจ (เป็นผู้เริ่มต้นในการ)
พิจารณา ผู้ที่จะได้รับการสถาปนา
เป็นสมเด็จพระสังฆราช ตาม ม.7 แห่ง
พ.ร.บ. สงฆ์  2505 ปรับปรุงแก้ไข 2535
ตรงนี้หมายถึง

" อำนาจการคัดเลือกผู้ที่จะได้รับ
การสถาปนาขึ้นเป็นสังฆราชนั้น
ก็คือ มส. เป็นผู้เริ่มตั้งต้น เป็นปฐม
ไม่ใช่เริ่มจากนายกรัฐมนตรี "

นี้เป็นข้อที่ 1 ที่ตีความออกมาที่
ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับการ

ตีความของผู้ตรวจการแผ่นดิน

ที่เคยรับเรื่อง จากคุณไพบูลย์ นิติตะวัน
แล้วนำมาตีความ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่อำนาจ
หน้าของตนเรื่อง

 "อำนาจว่า ใครจะเป็นผู้เริ่มต้นก่อน
ระหว่าง มส. และนายกรัฐมนตรี"
ตรงนี้ถือว่า "ยุติ" ทันที.!



   1.2  
มส. มีมติเป็นเอกฉันท์ในการเสนอ
นามผู้ที่ได้รับคัดเลือกที่จะขึ้นเป็น
สมเด็จพระสังฆราชในครั้งนี้..

"ไม่ขัดต่อกฎหมาย"

นั้นหมายถึงว่า มติ มส. เมื่อเดือน
มกราคม 2559 ที่ผ่านมา เพื่อเสนอให้
สมเด็จช่วง วัดปากน้ำขึ้นเป็นสมเด็จ
พระสังฆราชนั้น..

"ไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย คือถูกต้อง
ไม่ผิดกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น"


นี้เป็นข้อที่ 2 ที่กฤษฎีกาได้ตีความ
ออกมา และก็ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง
กับการตีความ ของผู้ตรวจการแผ่นดิน
ที่ตีความออกมาว่า..

"มติ มส. ครั้งนี้ขัดต่อกฎหมายใน ม.7"


   1.3  

"รัฐบาลไม่จำเป็นต้องปฎิบัติตามใน
ข้อเสนอแนะ ของผู้ตรวจการแผ่นดิน"

ข้อ 1.3 นี้ เป็นอันเข้าใจทั่วไปอยู่แล้ว
แต่ข้อนี้ถือเป็นการชี้ชัดในความผิด
และประจานถึงความดันทุลังจนเกิด
ความผิดพลาดมหันต์ ที่ไม่รู้อำนาจ
และหน้าที่ของตนเอง ของสำนักงาน
ผู้ตรวจการแผ่นดิน..

" ซึ่งก็คือทำเกินหน้าที่ตนเองนั้นเอง
ที่จริงข้อนี้กฤษฎีกา ไม่ต้องตีความ
ออกมาก็ได้ เพราะรัฐบาลเขาคงรู้หน้าที่
ตนเองอยู่แล้ว และก็รู้อำนาจหน้าที่
ของหน่วยงานในสังกัดของรัฐบาลตนเอง
อยู่แล้ว นอกจากหน่วยงานนั้น
จะไปสังกัดรัฐบาลอื่น หรือไปสังกัด
สำนักหมอผีเท่านั้น คงไม่งงนะครับ "


ประเด็นข้อที่ 1 ทั้ง 1.1 ,1.2 และ 1.3 นั้น
นอกจากจะสร้างความกระจ่างต่อสังคม
และเป็นข้อยุติ

ในเรื่องข้อขัดแย้ง
ที่มาจากแก๊งค์ป่วนเมืองแล้วเรื่องที่จะ
ปล่อยให้เงียบไปไม่ได้โดยเด็ดขาดก็คือ
ผลงานที่เรียกว่าผิดมหันต์ ของผู้ตรวจ
การแผ่นดินครับที่จะต้องออกมารับผิด
และรับชอบ ในผลงานอัปยศครั้งนี้ของ
ตนเองโดยไม่สามารถปฎิเสธได้ และอาจ
ถึงขั้น..

"เป็นคดีอาญา จากทาง สงฆ์ก็ได้"

ในส่วนรัฐบาล ก็จะถูกสังคมจ้องมองว่า

"หน่วยงานในสังกัด ที่ใช้อำนาจ
เกินหน้าที่สร้างความเสียหายให้

เกิดขึ้น วงกว้างขนาดนี้จะพิจารณา
และมีมาตรการลงโทษอย่างไร "



คณะจำอวดหน้าม่าน !

ส่วนคุณไพบูลย์ และพรรคพวกแก
ที่กลายเป็น "คณะตลกสังคม"
ไปแล้ว ที่เอาเรื่องฮาแตกโง่ๆ มายื่นนั้น
ผมว่า.. คงไปถามหาความรับผิดชอบอะไร
กับแกไม่ได้หรอก เพราะพวกนี้มันทำผิด
กันแทบทุกวันจนไม่รู้ว่า อะไรผิดอะไรถูก
ไปนานแล้วเอาไปพิจารณากันเองครับ

 


     ประเด็นที่ 2    

"คนเป็นข้าราชการนั้น
อันอำนาจหน้าที่ของเองนั้น
จะพูดจะทำอะไร ออกมาโดยไม่มี

กฎหมายรองรับไม่ได้เด็ดขาด ! "

ในประเด็นที่ 2 นี้ ผมจะพูดถึงเรื่องที่ต่อเนื่อง
จากการที่ กฤษฎีกาได้ตีความ ม.7 ซึ่งถือ
ว่าถูกต้องแล้วนะครับ ตรงนี้ผมจะขอพูดถึง
เกี่ยวกับเรื่องดังต่อไปนี้ คือ..

เรื่องที่ นายกรัฐมนตรี ท่านกล่าวเกี่ยวกับ
เรื่องนี้นั้น นับว่าถูกต้องแล้วแต่ท่านนายก
ได้เข้าใจผิด และพูดแบบไม่มีกฎหมายรองรับ
รองนายก ดร. วิษณุ เครืองาม
กล่าวถูกต้องแล้ว

คุณสุวพันธุ์ คนดูแลสำนักพุทธฯ
ท่านกล่าวไม่ถูกต้อง และทำการไม่ถูกต้อง
ถือว่าทำโดยพลการ เพราะไม่มีกฎหมาย
รองรับ และเพราะสับสน ในอำนาจหน้าที่ตนเอง


เริ่มประเด็นที่ 2 ขออนุญาต

แยกอธิบายได้ดังนี้ครับ


   2.1  
ย้อนหลังความว่า เมื่อกฤษฎีกา
ตีความออกมาในข้อกฎหมาย
สงฆ์ 2505 แก้ไขปรับปรุง 2535 ม.7
หมวดสังฆราช ว่าไม่ขัดต่อกฎหมาย
และยังได้แนะนำรัฐบาลว่า..

"ไม่จำเป็นปฎิบัติตามในการตีความ
ของผู้ตรวจการแผ่นดิน"


ข้อนี้ชอบแล้ว และมีรายละเอียดใน
ประเด็นที่ 1 แล้วครับย้อนไปอ่าน
ดูอีกครั้งก็ได้ครับ

   2.2   
จากนั้นท่านนายกรัฐมนตรี
พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ให้สัมภาษณ์สื่อ
ที่ทำเนียบ ซึ่งมีปรากฎทั่วไปหลัง
กฤษฎีกาตีความ ม. 7 ในทำนองว่า..

"อำนาจใคร อำนาจมันหน้าที่ใคร
หน้าที่มัน ก็ทำไปตามอำนาจ
หน้าที่ตนเองก็จบ"


ข้อนี้ท่านนายกเข้าใจ และก็ย่อม
เป็นสิ่งถูกต้องแล้วครับ แต่อยากขอ
ให้ท่านนายก ได้สั่งให้ผู้เชี่ยวชาญ
กฎหมายโดยเฉพาะกฎหมายสงฆ์ ม.7
ให้เอามากางข้อกฎหมายดู และพิจารณา
รายละเอียดให้ชัดๆ อีกครั้งว่ามีข้อความ
ที่กฎหมายนี้ท่านตราว่าไว้อย่างไรบ้าง
เอาแบบลึกๆ นะครับ

ผมจะบอกให้นะครับ ใครก็ได้ช่วยไป
บอกให้ ดร. วิษณุ ได้ไปอธิบายให้ท่าน
นายกทราบก็ได้ว่า นั้นคือ ม.7 นี้พูดถึง
นายกรัฐมนตรีเพียงแค่ว่า

"ให้ นายกรัฐมนตรีนำรายชื่อ
ขึ้นทูลเกล้าเท่านั้น ย้ำว่า เท่านั้น.!


ม. 7 ได้พูดถึงและให้อำนาจแก่นายก
รัฐมนตรีเพียงเท่านี้นะครับ ย้ำอีกทีว่า
เพียงเท่านี้ไม่ได้มีตรงไหนเลยที่ระบุถึง
หรือให้อำนาจอย่างอื่นใดๆ ทั้งสิ้นแก่คน
ที่เป็นนายกรัฐมนตรีตรงไหนเลย ?

อีกทั้ง หากเอาเทปมารีฟังซ้ำ จะเห็นว่า
มีสิ่งที่ท่านนายกพูดกับนักข่าววันนั้น
มีบางอย่างท่านนายก ท่านพูดออกมา
โดยไม่มีกฎหมายรองรับนะครับ

เป็นยังไง มาฟังรายละเอียดต่อเลยครับ..
ต่อมาเรื่องสำคัญสุด ข้อนี้สำคัญมาก
นั้นก็คือ คำว่า " ให้ " ที่ปรากฏ
ในกฎหมาย ม. 7 ข้อนี้นั้น
คำว่า " ให้ " ใน ม.7 หมวดสังฆราช
ตรงนี้นั้นท่าน ดร. วิษณุ นักกฎหมายเอก
ของไทย ซึ่งผมก็รู้จักคุ้นเคยดีนี้แหละ
ผมขอถามท่าน ดร. วิษณุ ว่า ..

"ทราบไหมครับว่าคำว่า " ให้ " ตรงนี้
เป็นคำพูดของใครส่วนความหมายคง
ไม่ต้องอ้างพจนานุกรมนะครับผมจะ
ขยายให้แจ้งว่า..

คำว่า " ให้ " คำนี้เป็นคำพูดคำสั่งของ
พระเจ้าอยู่หัวครับที่มีผลต่อการฏิบัติ
ที่สมบูรณ์ในตั้งแต่วินาทีแรกที่พระองค์
ทรงลงพระปรมาภิไธย (ทุก พ.ร.บ.)
ไม่ใช่เป็นคำพูดใครอื่นใดมาแทนทั้งสิ้น
ด้วยทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงตรา
กฎหมายในแห่งดินแดนของพระองค์
คำนี้ ไม่ใช่คำพูดทั้งคนของร่าง
และทั้งคนนำมาปฎิบัติใช้แต่เป็นคำพูด
ของคนที่เซ็นต์ชื่อลงไปในกฎหมายนั้นเอง

ความหมายก็คือ องค์ในหลวงที่ท่านทรง
ตราขึ้นก็เพื่อให้ใช้ เป็นกฎหมายในแผ่นดิน
ของพระองค์นั้นเองดังรายละเอียดที่ผมเกริ่น
ไว้ข้างต้นแล้วจงแจ้งเสียนะครับเพราะพระองค์
ท่าน ทรงเป็นคนเซ็นต์นะแหละ

ถ้าจะพูดเข้าใจง่ายๆ ก็คือพระองค์ท่าน
เป็นเจ้าของข้อความที่ปรากฎเหล่านี้
ทั้งหมดนั้นเอง.!


ดังนั้น จึงเรียกว่าเป็นกฎหมายแผ่นดิน
ไงครับเรื่องละเอียดลึกซึ้งแบบนี้อาจารย์ผม
ที่ท่านเพิ่งสิ้นไปแล้ว ท่านจะเน้นมากทุกครั้ง
ที่ท่านพูดถึง พ.ร.บ. สงฆ์ ครับคืออาจารย์
ของผม ท่านย้ำจนสิ้นลมหายใจว่า ..

" แผ่นดินไทยนี้..
เป็นของพระมหากษัตริย์ไทย
เป็นแผ่นดินพระพุทธศาสนา
พระเราจงช่วยกันรักษาไว้ดีๆ "

ผมจึงขอให้ท่านรองฯ วิษณุ หาโอกาส
ไปอธิบายให้ท่านนายกรับทราบด้วย
จะเป็นบารมีทางหนึ่งครับ
ส่วน " ให้ " ไปทำอะไรก็แจ้งอยู่แล้ว
ย่อมไม่ใช่ ..

"ให้เพื่อเอาไปเก็บเรื่องไว้
ให้เพื่อใช้อ้างสารพัด
ให้เพื่อเอาไปเล่นการเมือง
ให้เพื่อพิจารณายับยั้งมติที่ลงไปแล้ว
หรือแม้แต่ให้เพื่อคิดจะไปตัดสินใจ
แทนองค์ในหลวงยาวไปเสียโน้นใดๆ ทั้งสิ้น"


แต่เป็นการ " ให้ " เพื่อนำสิ่งนี้
นำขึ้นมาทูลเกล้าฯ เท่านั้น
ชัดเจนนะครับ ! และคงไม่ต้องถึงขนาด
ส่งให้กฤษฎีกาไปตีความให้เสียเวลา
หรอกนะครับกับคำว่า " ให้ " นี้
ผมแจงให้ฟังถึงขนาดนี้ หากยังไม่เข้าใจ
ก็ต้องถือว่า ..

" เป็นกรรมของคณะสงฆ์ก็แล้วกัน
ที่ดันมามีรัฐบาลแบบนี้ในยุคนี้ "


เจ้าคุณเบอร์ลิน ในนามคณะสงฆ์
ก็จะขอเตือนด้วยเจตนาดีว่างานนี้
ท่านนายกประยุทธ์ท่านอย่าออก
นอกกรอบนะครับ อย่าไปเชื่อแต่
ผู้หวังดี แต่ประสงค์ร้ายข้างตัวให้
มากนักเลย

เพราะไอ้ที่ผ่านมานั้น อะไรต่ออะไร
ก็น่าจะชัดแจ้งไปบ้างแล้ว
อันคนฉลาดนั้น หากอะไหล่ตัวไหน
ที่มันชำรุด ทั้งยังถูกสังคมร่วมกัน
แก้ผ้าจนล้อนจ้อนกลายเป็น
ครึ่งผีครึ่งคน ครึ่งคนครึ่งพระ
ที่หมดสภาพความเป็นคนไปแล้ว
ก็โล๊ะๆ ทิ้งชะ เด็ดให้มันขาด
 พระดี คนดีที่ไหนที่เขาจะมีพฤติกรรม
นอกลู่นอกทางแบบนี้ ขืนใกล้ต่อไป
ก็มีแต่จะเสื่อมนะครับ.!

สรุปตรงนี้ ขอพูดสั้นๆ ได้เลยว่า ..
เรื่อง " ให้ " นี้อันตรายใหญ่หลวงนัก
ไม่เชื่อก็ไม่ว่ากันนะครับ ผมชี้ด้วย
เจตนาดี อย่าหาเรื่องผมละ


ข้อสำคัญต่อมา

ก็คือนายกรัฐมนตรีมักอ้างว่า


"จะไม่นำสิ่งที่มีปัญหาขึ้นทูลเกล้า
และผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จะต้องรับผิดชอบ"


ข้อว่า จะไม่นำสิ่งที่มีปัญหา
ขึ้นทูลเกล้าฯ นั้น " ชอบแล้ว "
ส่วนข้อที่ว่า ผู้รับสนองฯ จะต้อง
รับผิดชอบนั้น ก็ "ชอบแล้วเช่นกัน"
แต่..แต่ท่านนายกท่านทราบได้อย่างไร
ว่า พระเจ้าอยู่หัว จะทรงลงพระปรมาภิไธย
ในเรื่องที่ท่านนายกนำขึ้นทูลเกล้านั้นๆ ทันที !

และโดยที่พระองค์
จะไม่ทรงพิจารณาใดๆ เลยเชียวหรือ?

และเมื่อทรงลงพระปรมาภิไธย
ไปแล้วนั้นย่อมแสดงว่าทรงได้พิจารณา
อย่างรอบคอบแล้วมิใช่หรือ ?

หรือท่านนายกคิดแทนใจในหลวงได้
แล้วถามต่อว่าเรื่องของเบื้องสูงสำคัญ
สูงสุดเช่นนี้มันเป็นเรื่องของคนที่เป็นนายก
ที่เป็นแค่ข้าแผ่นดินหรือครับที่จะพิจารณา
และสรุปแทนได้ ?

หรือหากพิจารณาคำพูดท่านนายก
ตรงนี้ อีกนัยนะหนึ่งจะให้หมายถึงว่า

" หากนำขึ้นทูลเกล้า ฯ ขึ้นไป
จะมีการทรงลงพระปรมาภิไธย
โดยไม่ทรงพิจารณา ยังงั้นหรือ ? "


เรื่องนี้ ผมจะพูดทิ้งไว้แค่นี้ก่อนนะครับ
โปรดตรองให้ดีๆ ก่อนจะพูดอะไรออกมา
นะครับ ท่านนายก.!

บอกแล้วไงว่า เรื่องแบบนี้ มันละเอียดอ่อน
พูดแบบใช้อารมณ์เอามันส์ไม่ได้เด็ดขาด
สรุปตรงนี้ก็คือ

อำนาจหน้าที่ ของนายกรัฐมนตรี
ในเรื่องนี้มีเพียงแค่นี้และจะต้องปฎิบัติ
ตาม คำว่า " ให้ " อย่างเคร่งครัดด้วย

นี้เป็นคำเตือนจากพระสงฆ์ทั้งหมดนะครับ
ไม่ใช่แค่เจ้าคุณเบอร์ลินที่เป็นพระเด็กๆ
เพียงรูปเดียว !

ดังนั้น จากนี้ไปเรื่องสถาปนาสังฆราช
รูปใหม่นี้ ท่านจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
ก็ไปพิจารณาเอาเอง ก็แล้วกันนะครับท่าน
ซึ่งน่าจะเห็นทางสว่างได้แล้วทั้งหลายทั้งปวง
ที่เจ้าคุณเบอร์ลิน และทีมงานพูดมาทั้งหมดนี้
ก่อนที่ท่านนายก และผู้เกี่ยวข้องจะอ่าน
จะพิจารณา ก็ขอให้ตัดคำว่า..

"กลุ่มนี้ สนับสนุนสมเด็จช่วง"

ออกไปเสียก่อนนะครับเพราะไม่เช่นนั้น
สติปัญญาด้านบวก มันคงไม่เกิดหรอกครับ !


    2.3  
ท่าน ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี
กล่าวถูกต้องแล้ว กรณีที่เคยกล่าวว่า
การโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระสังฆราช
ไม่เหมือนทั่วไปที่เมื่อโปรดเกล้าฯ
ก็รับไปปฏิบัติได้เลย

" แต่การโปรดเกล้าฯ สถาปนา
พระสังฆราชนั้น จะต้องมีพระราชพิธี
ต่อเนื่อง จึงต้องดูเวลาที่เหมาะสม "

นี้ก็สมควรแล้ว และเป็นที่ทราบและเข้าใจ
ของ พสกนิกรชาวไทย ผู้จงรักภักดีทุกคน
อยู่แล้วขอให้รัฐบาลอธิบายเรื่องนี้ตรงๆ
มากๆ สังคมจะได้ไม่ถูกชักนำดังที่ผ่านมา


    2.4   
ขอปิดท้ายโพสต์ ด้วยเรื่อง
ของคุณสุวพันธุ์ ผู้ดูแลสำนักพุทธฯ
ว่าไปดูแล้ว ผมเองก็อดน่าสงสาร
คุณสุวพันธุ์ แกไม่ได้ด้วยวุฒิ ด้วยวัย
และสังขารขนาดนี้ แกน่าจะไป
เลี้ยงลูกหลานอยู่บ้านสงบๆ จะดีกว่า
ไม่น่ามาถ่อสังขาร เป็นศัตรูกับพระอยู่เลย
งานนี้แกคงชรามาก

มาครั้งนี้ แกจึงสับสน หรือเบลอไปหมด
ก็ไม่ทราบได้ นั้นก็คือหลังกฤษฎีกา
ตีความ ม.7 ออกมาแล้วโดยยังไม่ได้
มีการแถลงแกก็ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อว่า..

มติ มส. ตั้งสังฆราชยังอยู่ที่ผม
ยังไม่ได้ส่งให้นายกรัฐมนตรี
จะส่งให้ก็ต่อเมื่อ..

เรื่องข้อขัดแย้งต่างๆ ยุติ

งามใส้แล้วไหมละคุณสุวพันธุ์

เอ้ย..ทำไมพูดไม่คิด.!

สรุปให้คุณสุวพันธุ์เอาบุญหน่อยนะครับ
ผมขอสั้นๆ ปิดโพสต์เป็นบทสรุป
กับคุณสุวพันธุ์ ว่า..

" การคิด พูด ทำ ของท่านเช่นนี้มันมี
กฎหมายประเทศไหนมารองรับครับ
มันมีกฎหมายข้อไหน ตรงไหน
ที่ให้อำนาจท่านสุวพันธุ์ สามารถ
ทำแบบนี้ได้ ช่วยแจงทีโดนอาญา
สักครั้งละมั้งครับ จึงจะฉลาดขึ้น "


พูดง่ายๆ ก็คือ คุณสุวพันธุ์ คุณเอา
อำนาจอะไรมารองรับ ที่จะมาเก็บ
มติ มส. มตินี้ ไว้กับตัวเอง นานตั้ง
ครึ่งค่อนปีเช่นนี้ ช่วยกางมาให้
ผมดูหน่อยซิครับ ขอให้ช่วยตอบที
หรืองานนี้ จะคอยตอบกับศาลเลย

พูดแล้ว ก็เหนื่อยแทนคณะสงฆ์ยุคนี้ครับ
ที่ได้คนมีสติปัญญาด้านงานพระศาสนา
ที่คิดได้แค่นี้ มาสนองงานของพระศาสนา
ก็ไม่แปลกหรอกครับ ที่วันๆ ทั้ง พศ. มส.
จึงมีแต่เรื่องราวเรื่องร้าย มาถาโถมใส่
คณะสงฆ์อยู่ทุกวันจะทำอะไรก็รีบทำ
นะครับ คุณสุวพันธุ์ ทำให้ดีๆ ทำให้
มันถูกต้อง ก่อนที่จะไม่มีโอกาสจะทำ!


สุดท้าย

ส่วนล่าสุดที่ บิ๊กป้อม ถึงกับออกมา
บอกผ่านสื่อให้เข้าใจนายกนั้น
เจ้าคุณเบอร์ลิน ในนามคณะสงฆ์
ก็อยากจะบอกกลับไปว่า..

"ก็เพราะคณะสงฆ์เห็นใจ เข้าใจ
และให้เวลานายก และรัฐบาลนี้

แหละครับ ถึงรอมาตั้งแต่วัน
พระราชทานเพลิงสมเด็จญาณ
โน้นแล้ว จะเกือบปีอยู่แล้ว"

รอให้วันประชามติผ่านไปก่อนใช่ไหมครับ
ถามว่านี้มันเกี่ยวกับเรื่องศาสนาครับ
หรือรัฐบาล ได้เอาศาสนามาเล่น
การเมืองจริงๆ ดังข่าวลือไปแล้ว

อย่าพูดให้งานเข้าสิครับ ท่านรองฯ
ผมว่า.. หากมีเวลาทีมงานรัฐบาล
น่าจะอ่านโพสต์ ของเจ้าคุณเบอร์ลิน
บ้างนะครับ โดยเฉพาะล่าสุดคือ ..

"เรื่องการถวายเกียรติต่อคณะสงฆ์"

เผื่อจะได้แก้ไขอะไรได้ทันการณ์บ้าง
ขอบอกว่า เรื่องพระศาสนานี้ ณ วันนี้
มันสุกงอมเต็มทนแล้วนะครับ
เตือนรัฐบาลด้วยหวังดีก่อนจบว่า..

"อย่าชะล่าใจในอำนาจตน
อย่าดูแคลนพลังศรัทธาของคน

นะครับ"

ถึงชั่วโมงนี้ อะไรอะไมันก็เกิดขึ้นได้
ทั้งนั้นแหละครับ.!


โชคดีมีชัยทุกท่านครับ
เจ้าคุณเบอร์ลิน
Berlin,den 14.07.2016

Cr. ขอบคุณภาพจากเวปไซต์ข่าว
ไทยรัฐอนไลน์ , มติชนออนไลน์,ช่อง 7, เนชั่น

บทความแนะนำกรณีธรรมกาย


เพราะความลับไม่มีในอากาศ
เจ้าคุณเบอร์ลินแจง " ให้ " เหตุใดนายกอาจต้องคดีอาญา จาก พ.ร.บ.สงฆ์ ม.7 เจ้าคุณเบอร์ลินแจง " ให้ " เหตุใดนายกอาจต้องคดีอาญา จาก พ.ร.บ.สงฆ์ ม.7 Reviewed by สารธรรม on 02:41 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.