ครูบาศรีวิชัยพ้นผิด! นสพ.บางกอกไทม์วิเคราะห์เหตุไต่สวนอธิกรณ์ 8 ข้อ
“ ข่าวจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยเดิมมีพระรูปหนึ่งชื่อว่าพระศรีวิชัย อายุได้ ๔๒ ปี เป็นอธิการอยู่ ณ วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เคร่งในทางวิปัสสนา ฉันผลไม้และผักต้ม กับเกลือ พริกไทยวันละหน ของคาวถือว่าเป็นของมีวิญญาณ ท่านไม่ฉัน ถ้าเป็นวันพระแล้วไม่ฉันเลย
พระองค์นี้มีหิริโอตะปะ ปราศจากโลภะ โมหะเป็นต้น เช่น มีผู้นำเงินทอง เครื่องบริโภคไปทำบุญกับท่านๆ ก็ทำต่อ มิได้เอาไว้ทำประโยชน์ส่วนตัวเลย และมีผู้นิยมนับถือไปทำบุญแก่ท่านมาก เมื่อประมาณ ๕ ปีมาแล้วนี้ พระองค์นี้บวชนาค ได้ให้กำนันผู้ใหญ่บ้านไปขออนุญาตต่อนายอำเภอๆ บอกให้กำนันผู้ใหญ่บ้าน ไปเตรียมการที่จะบวชนาคไว้ จะได้ทำใบอนุญาตให้ต่อเมื่อภายหลัง แล้วพระองค์นี้ก็จัดการเตรียมไว้เสร็จแล้ว
พอจวนจะเข้าพรรษาถึงเวลาบวช ได้ให้กำนันผู้ใหญ่บ้านไปขอรับใบอนุญาต แต่กรมการอำเภอหาได้ออกใบอนุญาตให้ไม่ พระองค์นี้เห็นว่าการบวชคงไม่ผิดอะไรนัก ทั้งเป็นเวลาจวนเข้าพรรษาจึงเข้าบวชนาคไปโดยลำพัง ทีนี้เจ้าคณะสงฆ์ และกรมการอำเภอหาว่า พระศรีวิชัยบวชนาคไม่ได้รับอนุญาตจึงได้รับเอาตัวพระศรีวิชัยไปกักขังไว้ที่วัดหลวง (วัดพระธาตุหริภุญชัย) ลำพูน ๑ ปี แล้วไม่ให้เป็นเจ้าอธิการวัดบ้านปาง เพียงแต่ให้อาศัยอยู่ที่วัดบ้านปางตามเดิมเท่านั้น
ครั้นเมื่อต่อมา พ.ศ. ๒๔๖๒ กรมการได้ไปสำรวจที่วัดบ้านปาง ได้บอกกับพระศรีวิชัยๆ ตอบว่า อาตมาไม่ได้เป็นเจ้าอธิการ เมื่อจะสำรวจอย่างไรเอาเองตามชอบใจ พระและสามเณรในวัดบ้านปางมีความกลัว จึงพากันหลบหนีเข้าป่าไปบ้าง กรมการอำเภอสำรวจไม่ได้ ก็รายงานบอกว่าพระเณรหลบหนีไปด้วยเหตุอันใดไม่แจ้ง ไต่สวนไม่ได้ความ แล้วคณะสงฆ์ลำพูนมีคำสั่งให้พระศรีวิชัยนำเอาพระเณรที่อยู่ในวัดบ้านปาง ไปที่เจ้าคณะหมวดให้หมดวัด ถ้าไม่มีใครรักษาวัดให้ฝากไว้กับชาวบ้าน ถ้าไม่ไปตามคำสั่งจะลงโทษ
ทีนี้พระศรีวิชัยไม่ได้เป็นเจ้าอธิการ และไม่มีอำนาจที่จะไปบังคับพระเณรให้ไปหาเจ้าคณะได้และไม่ได้ชี้แจงเหตุผลให้เจ้าคณะทราบ โดยเหตุระยะทางที่จะไปหาเจ้าคณะต้องรอนแรมถึง ๓ คืน ทีนี้เจ้าคณะสงฆ์ลำพูนได้มีคำสั่งไม่ให้พระศรีวิชัยอยู่ในจังหวัดลำพูนต่อไป
แล้วเจ้าผู้ครองนครลำพูน ได้นิมนต์เอาพระศรีวิชัยเข้าไปรับไทยทานในจังหวัดลำพูน พระศรีวิชัยมีโอกาสอันดีจึงจัดข้าวของสำหรับทำบุญ เพื่อที่จะได้เข้าไปทำบุญในวัดหลวงจังหวัดลำพูน และพระเณรอุบาสกอุบาสิกามีใจศรัทธา จึงได้จัดของไทยทาน ตามพระศรีวิชัยเข้าไปทำบุญประมาณ ๖๐๐ คน
ครั้นไปถึงจังหวัดลำพูน พวกข้าราชกาลในจังหวัดลำพูนสงสัยว่าจะเป็นกบฏ และพวกเจ้าคณะสงฆ์หาว่าพระองค์นี้มีความผิด จึงจับตัวพระศรีวิชัยกักขังไว้ที่วัดหลวง จังหวัดลำพูน เมื่อนายพลโทหม่อมเจ้าบวรเดช อุปราชไปตรวจราชการที่จังหวัดลำพูน จึงเอาตัวไปกักขังไว้ที่วัดศรีดอนไชย จังหวัดเชียงใหม่ ประจวบกับพระมหานายกขึ้นไปสอบไล่พระธรรมวินัยจังหวัดเชียงใหม่ ได้เรียกเอาตัวพระศรีวิชัยไปไต่สวนเสร็จแล้ว เห็นว่าไม่มีความผิด แต่ความรู้ยังบกพร่องอยู่บ้าง จึงให้พระศรีวิชัยทำทัณฑ์บน ยอมเล่าเรียนอยู่ในสำนักใดแล้วแต่พระครู และเจ้าคณะจะเห็นสมควร
เมื่อพระศรีวิชัยทำทัณฑ์บนไว้แล้ว พระครูและเจ้าคณะก็หาจัดการให้พระศรีวิชัยไปอยู่สำนักใดไม่ เลยเอาตัวไปกักขังไว้ที่วัดศรีดอนไชย และจัดให้คนคอยควบคุม คอยตรวจจับอาการของพระศรีวิชัยว่าจะมีเวทย์มนต์หรืออภินิหารอย่างไรบ้าง จึงมีผู้คนนิยมนับถือมาก แต่ก็หามีอาการแปลกประหลาดอย่างไรไม่
ในระหว่างที่พระศรีวิชัยถูกกักขัง และมีผู้ควบคุมอยู่ ๒ เดือนเศษนั้น มีพวกแขกชาวอินเดีย และพวกพม่า พวกตองซู่ พวกกระเหรี่ยงลำพูน เมืองตาก แม่ฮ่องสอน เมืองปาย เมืองพร้าว เชียงดาว พากันไปทำบุญแก่พระศรีวิชัยวันละหลายร้อยคนเสมอทุกวันเป็นเนืองนิจมิได้ขาด อยู่มาวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๓ นายพลโทหม่อมเจ้าบวรเดช อุปราช มีรับสั่งให้หลวงประสานคดีชนคุมเอาพระศรีวิชัยลงไปกรุงเทพฯ
เมื่อมีผู้นิยมนับถือพระองค์นี้มากเช่นนี้ เชื่อว่าทางราชการคงมีความยินดีรับรองเอาพระองค์นี้ไว้แนะนำสั่งสอน ให้มีความรู้ทางพระพุทธศาสนาให้ช่ำชองดี แล้วจัดส่งให้ขึ้นไปสั่งสอนที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้สั่งสอนในทางพระพุทธศาสนาต่อไป ถ้าพระองค์นี้กลับขึ้นไปอยู่เชียงใหม่แล้วทางพระพุทธศาสนา คงจะมีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป โดยเหตุว่ามีผู้นิยมนับถือพระองค์นี้มาก ตัวอย่างเช่น ชาวต่างประเทศเขาก็ต้องการเลือกหาคนดี ที่มีผู้นิยมนับถือมาตั้งหัวหน้า ไปเที่ยวสอนให้ราษฎรรู้จักบาปบุญคุณโทษ และกลับไปเป็นพลเมืองดีต่อไป
อีกประการหนึ่ง เมื่อกรมการอำเภอจัดตั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เรียกลูกบ้านราษฎรหมู่มากเห็นสมควรจึงตั้งผู้ใดเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้านได้ กรรมการอำเภอก็จะจัดตั้งผู้นั้น เป็นกำนันผู้ใหญ่บ้านตามความเห็นราษฎรหมู่มาก นี่พระศรีวิชัยนี้ มีผู้นิยมนับถือทั่วไปทั้งมณฑลพายัพ ถ้าจะนับเปอร์เซ็นต์ก็มีผู้นิยมท่านถึง ๘๐ เปอร์เซ้นต์เศษเช่นนี้ ควรทางราชการจะรับรองไว้ ถ้าทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์นี้ขึ้นไปสั่งสอนอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่แล้ว เชื่อว่าพลเมืองที่ประพฤติตนในทางทุจริต คือ ปล้นฆ่าฟันกันตายคงจะเบาบางลงแน่
แต่ขอกระซิบ ไม่ควรเชื่อถือซึ่งถ้อยคำของพระภิกษุบางองค์ในมณฑลพายัพ ที่คอยยุแหย่ว่าพระศรีวิชัยคิดกบฏต่อพระศาสนา พระมหากษัตริย์ หรือขัดขืนอะไรต่างๆ นั้นเป็นอันไม่จริงทั้งสิ้น บางทีเขาจะเกรงว่าทางราชการจะตั้งให้พระศรีวิชัยเป็นใหญ่ และเกรงว่าจะขาดลาภยศไป ขอให้นึกดู ผู้มีความรู้และความเฉลียวฉลาดอย่างนี้ ถ้าจะแต่งตั้งเอาไว้ให้เที่ยวสั่งสอนผู้คน ก็คงจะดีไม่น้อย
และขอเข้าใจว่า ข้าราชการที่ประพฤติชั่ว ความชั่วนั้นราษฎรรู้เข้าก่อนทางราชการ ภรรยาที่มีชู้ก็พวกชาวบ้านเห็นก่อน ราษฎรทั้งมณฑลเห็นดี แล้วทางราชการจะไม่เห็นดีด้วยบ้างหรือ?
หวังใจว่า ท่านบรรณาธิการ คงจะช่วยตะโกนผู้ใหญ่ให้รู้ด้วยเพื่อเป็นทางดำริต่อไป”
นี่คือข่าวเกี่ยวกับครูบาศรีวิชัย ที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์บางกอกไทม์ ฉบับวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๔๖๓
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระยาวชิรญาณวโรรสสม
เด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 10
“ฉันได้อ่านหนังสือพิมพ์บางกอกไทม์ วันที่ ๗ เดือนนี้ตอนภาษาอังกฤษ กล่าวถึงข่าวเมืองเหนือมีใจความว่า มีพระรูปหนึ่งอยู่วัดบ้านปางหรือไร จังหวัดลำพูน ชื่อพระศรีวิชัย อายุราว ๔๐ ปี มีผู้คนนับถือมาก พระศรีวิชัยนั้นขออนุญาตอุปสมบทต่อกำนันและอำเภอ เขาว่าจักให้ ครั้นรอมาจวนถึงพรรษา บอกว่าไม่ได้ พระศรีวิชัยก็จัดการอุปสมบท แต่ไม่ได้กล่าวความชัดว่าเป็นอุปัชฌาย์เอง เจ้าคณะจังหวัดกับกรมการอำเภอยกขึ้นเป็นความ เอาตัวพระศรีวิชัยกักขังไว้ที่วัดหลวง ๑ ปี แล้วปล่อยกลับไปบ้านปาง แต่ถอดเสียจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ตอนนั้นคณะกรรมการอำเภอไปตรวจวัดบ้านปาง พระหนีเข้าป่า สำรวจไม่สำเร็จ จะให้พระศรีวิชัยทำสำรวจ เธอเถียงว่าเธอไม่ใช่เจ้าอาวาส เจ้าคณะจังหวัดเรียกตัว เธอหาไปไม่ ส่วนเจ้าลำพูนนิมนต์ไปทำบุญ เธอไป มีคนติดตามไปมาก เจ้าคณะจังหวัดหาว่าเธอกบฏ จึงเอาตัวไปไว้ที่วัดหลวงอีก
คราวนี้อุปราชมาพบเข้า พาตัวไปไว้ที่วัดศรีดอนไชย เชียงใหม่ พระมหานายกออกไปสอบธรรมได้พิจารณาลงความเห็นว่าพระศรีวิชัยไม่ผิด เป็นแต่ไม่รู้การศาสนา ควรให้อยู่ศึกษาที่เชียงใหม่ ให้ทำทัณฑ์บนว่าจักไม่ขัดขืน เจ้าคณะแต่งคนคอยตรวจตราดูว่าพระศรีวิชัยจะใช้เล่ห์กระเท่อย่างไรบ้างในตอนนี้ให้คนติดแต่ก็จับไม่ได้ ภายหลังพระศรีวิชัยถูกส่งตัวลงไปกรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวกล่าวว่า พระศรีวิชัยมีคนติดตามเช่นนี้ สมควรที่รัฐบาลจะอุดหนุนส่งไปสั่งสอนจักได้ประโยชน์ คนทำชั่วคงน้อยลง แต่พระศรีวิชัยไม่รู้การศาสนา สมควรเอาไปไว้ศึกษาก่อนแล้วจึงส่งกลับขึ้นไป
คำของบรรณาธิการว่า นี่เป็นคำของผู้ที่นับถือพระศรีวิชัย เขาปรารภว่า เขาปรารถนาจะฟังคำของอีกฝ่ายหนึ่ง เรื่องนี้พระมหานายกไม่ได้มีบอกเข้ามาให้รู้ บอกเป็นเบาเมื่อกลับมา แต่ไม่จัดแจ้งเหมือนข่าวในหนังสือพิมพ์ กล่าวว่า หม่อมเจ้าบวรเดชจักมีบอกสำนวนเรื่องนี้เข้ามา นอกจากนี้ไม่ได้รู้เห็นอีกเลย
เทียบเรื่องพบมาในที่อื่น ฉันกริ่งใจว่า เจ้าหน้าที่เห็นอคติพระศรีวิชัยมาก ก็เกรงไปว่าจักเป็นผีบุญ แต่ไม่อาจจะยกเอาความผิดขึ้นฟ้องลงโทษทางอาญา จึงหาความผิดทางคณะสงฆ์ เรื่องนี้ปรากฏว่า ไปเอาตัวมาคราวใด พระศรีวิชัยมาทุกคราว ไม่ได้ต่อสู้ ในคราวที่ไม่มา ก็เป็นแต่ถูกเรียกไม่ใช่ถูกจับตัว ส่อว่ายังไม่เป็นผีบุญ
ส่วนความผิดในทางคณะสงฆ์ ตามข่าวนี้มีเพียงทำการอุปสมบท ชะรอยจะเป็นอุปัชฌาย์เอาเอง นอกจากนี้ยังไม่รู้ว่ามีความผิดอะไรอีก ถ้าเป็นอย่างฉันกริ่งใจแล้ว เราจักพลอยตามด้วยไม่ได้ดู ไม่ยุติธรรมนี่เป็นเรื่องอื้อฉาวแล้ว เธอจงสอบถามหม่อมเจ้าบวรดู เวลานี้อยู่กรุงเทพฯ ว่าพระศรีวิชัยได้ทำผิดอันอาจจะยกขึ้นเป็นอาญาแผ่นดิน อันเจ้าหน้าที่จะพึงฟ้องศาลได้หรือไม่ ถ้าเธอทำได้อย่างนั้น และเจ้าหน้าที่จักเอาความผิดแก่เธอ จงให้รับตัวไปฟ้องร้องยังศาลมณฑลพายัพ ถ้าพระศรีวิชัยไม่ได้ทำความผิดเช่นนั้น จงเรียกสำนวนฝ่ายคณะมาตรวจดูถึงความผิดทางคณะ ว่ามีอย่างไรบ้าง ความผิดเพราะทำการอุปสมบทเอาเอง น่าจะได้ลงโทษแล้ว ได้แก่ การเอามากักตัวไว้ครั้งแรกปีหนึ่ง และถอดออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส เป็นธรรมเนียมที่เคยกราบทูลฉัน ถ้าฉันเป็นผู้สั่งการ เรียกไม่มา เนื่องจากไม่รับทำสำรวจพระวัดบ้านปาง ถ้าจริงอย่างหนังสือพิมพ์กล่าวพระศรีวิชัยเถียงถูกเช่นนั้น ฉันไม่เคยลงโทษ เมื่อได้ความอย่างไรแล้ว จงนำปรึกษาในมหาเถรสมาคม จะหยั่งรู้ความผิดเองโดยถ่องแท้ และลงโทษแต่พอดี และโทษนั้นอาจจะลงโทษได้ในกรุงเทพฯ ให้สำเร็จแล้วปล่อยตัวกลับไป ถ้าจะต้องลงโทษโน่น ก็จงมีคำสั่งให้ชัดเจนถึงอุปราชา ถ้าจะพิจารณาความผิด ทางคณะของพระครูบาศรีวิชัยจงอย่าฟังคำของคณะแต่ฝ่ายเดียว จงฟังคำของพระศรีวิชัยด้วยเพื่อเธอมีช่องแก้ตัวบ้าง
เรื่องนี้ควรพิจารณา และควรได้รับดำริของฉัน แต่ฉันอ่านสำนวนเรื่องนี้ แล้วทรงจำไว้ใคร่ครวญ แล้วจึงวินิจฉัยเป็นการหนักแน่นแก่ใจฉัน ในเวลานี้จึงได้ให้คำสั่งแก่เธอทำแทน ขออย่าได้ต้องย้อนมาถึงฉันที่จะต้องอ่านสำเนา แต่จงระวังอย่าให้ผิดพลาด เรื่องนี้มีลงข่าวในหนังสือพิมพ์ภาษาไทย ในวันต่อมาฉันได้ตัดส่งมาด้วย ข้อความที่เล่ามานั้นไม่ได้แปลก แต่เป็นเล่าที่จำได้
อนึ่ง เมื่อจะส่งตัวพระศรีวิชัยกลับโดยไม่มีโทษแล้ว จงให้มีสังกัดวัดอยู่ อย่าปล่อยให้จรจลเพื่อกันเจ้าคณะแกล้ง จงถามพระศรีวิชัยดูสมัครอยู่วัดใดแล้วสั่งให้วัดนั้นรับ”
พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์
เจ้าคณะใหญ่หนกลาง
ประธานการไต่สวนครูบาศรีวิชัย
“ด้วยมีคำสั่งให้เกล้ากระหม่อม กับพระญาณวราภรณ์ พระธรรมไตรโลกาจารย์ พิจารณาเรื่องพระศรีวิชัย วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ถูกกล่าวหาว่า มีพรรคพวกเป็นจำนวนมาก เป็นเหตุระแวงของเจ้าหน้าที่ฝ่ายอาณาจักรว่าเป็นผีบุญ และไม่ทำการอ่อนโอน และขัดขืนต่อคณะสงฆ์จังหวัดนั้น
เกล้ากระหม่อมได้ถามหม่อมเจ้าบวรเดช อุปราชมณฑลพายัพว่า การที่พระศรีวิชัยมีคนติดมานั้น อาจยกความผิดเป็นทางอาญา ฟ้องร้องต่อศาลได้หรือไม่ ได้รับคำตอบว่า หามีความผิดถึงเช่นนั้นไม่ แล้วกระหม่อมทั้งหลายจึงได้พิจารณาถึงการที่พระศรีวิชัยไม่โอนอ่อน และขัดขืนต่อคณะสงฆ์ส่วนเดียว ได้ความดังต่อไปนี้
๑. ตั้งตัวเป็นอุปัชฌาย์ บวชกุลบุตรไม่มีใบอนุญาต
๒. ไม่อยู่ในบังคับบัญชาของพระครูมหารัตนกร เจ้าคณะแขวงลี้
๓. เจ้าหน้าที่ฝ่ายอาณาจักรเรียกประชุมสงฆ์ท้องที่อำเภอลี้ เพื่อตักเตือนให้รู้ระเบียบสงฆ์และทางราชการ สงฆ์ไปประชุมทุกวัด เว้นแต่พระศรีวิชัยไม่ไป
๔. ทางราชการป่าวร้องให้วัดทั้งหลายตามประทีป ตีฆ้องกลองในการพิธีบรมราชาภิเษกวัดทั้งหลายทำตาม แต่พระศรีวิชัยไม่ทำ
๕. เจ้าคณะแขวงลี้เห็นว่า วัดทั้งหลายขัดขืนต่อความปกครองคณะสงฆ์ เพราะเอาอย่างพระศรีวิชัยจึงร้องต่อพระครูศีลวิลาส ผู้รับตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดลำพูนได้ว่ากล่าวตักเตือน
เรื่องทัณฑ์บน พระศรีวิชัยยังขัดขืนประพฤติดังก่อนอีก ข้อ ๑ - ๕ เจ้าคณะแขวงกักตัวลงโทษพระศรีวิชัย ๒ ปี เต็ม โดยคำสั่งของผู้แทนเจ้าคณะหนเหนือ
๖. เจ้าหน้าที่ฝ่ายอาณาจักร ขอสำรวจสำมะโนครัว พระศรีวิชัยไม่ยอมให้สำรวจให้เจ้าหน้าที่สำรวจเอาเอง เจ้าคณะแขวงสั่งไป ก็ไม่ยอมทำตาม
๗. เจ้าคณะแขวงนัดประชุม เจ้าอธิการวัดทั้งปวงในแขวงของตน อธิการหลายวัดหาไปประชุมไม่ เพราะพระศรีวิชัยผู้ทำตัวอย่าง
๘. ลือกันว่า พระศรีวิชัยมีบุญ เช่นมีดาบฝักทองคำ ๑ เล่ม ตกลงมาจากอากาศอยู่ที่แท่นบูชา พระศรีวิชัยเก็บบูชาไว้
พระศรีวิชัยเดินได้บนน้ำ พระศรีวิชัยไม่เปียกน้ำ การลือนั้นพระศรีวิชัยจะอวดเองหรือคนอื่นลือไปเองก็ตาม ก็ชื่อว่า เกิดแต่พระศรีวิชัยเป็นเหตุ ทำให้มหาชนหลงนับถือ
ข้อ ๖ - ๗ - ๘ นี้เจ้าคณะแขวง และเจ้าคณะจังหวัดลำพูน ลงโทษพระวิชัยขับจากจังหวัดลำพูน ตามคำสั่งของผู้แทนเจ้าคณะใหญ่หนเหนือภายใน ๑๕ วัน พระศรีวิชัยไม่ไป เจ้าคณะหาว่าขัดคำสั่ง เอามาลงโทษกักขังไว้ ต่อมาหม่อมเจ้าบวรเดช ขออนุญาตผู้แทนเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ส่งพระศรีวิชัยไปกรุงเทพฯ
เกล้ากระหม่อมทั้งหลายไต่สวน พระศรีวิชัยเธอให้การดังต่อไปนี้
๑. ข้อ ๑ ถึงข้อ ๕ พระศรีวิชัยรับสารภาพ
๒. ข้อ ๖ พระศรีวิชัยแก้ว่า เธอไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส ไม่ใช่หน้าที่ของเธอ
๓. ข้อ ๘ พระศรีวิชัยปฏิเสธว่า ของเช่นนั้นเธอไม่ได้อวด เขาลือกันไปเอง
๔. ข้อ ๑ ถึงข้อ ๕ พระศรีวิชัยรับสารภาพ และได้รับโทษแล้วเป็นอันไม่ต้องพิจารณา
๕. ข้อ ๖ ตามคำแก้ของพระศรีวิชัยนั้นถูก เพราะเธอถูกถอด
๖. ข้อ ๗ เป็นความผิดของพระอธิการ ผู้เอาอย่างเองต่างหาก พระอธิการไปเอาอย่างผู้ไม่ใช่พระอธิการ พระศรีวิชัยไม่ผิด
๗. ข้อ ๘ ไม่มีพยานหลักฐานว่าพระศรีวิชัยอวด เมื่อมีคนเล่าลือกันไปเอง จะลงเอาว่าพระศรีวิชัยมีความผิดเพราะเกิดแต่เธอหาถูกไม่
ตามที่พิจารณามาในข้อ ๖ - ๗ - ๘ ได้ความว่า พระศรีวิชัยไม่มีความผิด เจ้าคณะลงโทษเกินไป เพราะฉะนั้นควรปล่อยให้พระศรีวิชัยกลับภูมิลำเนาของตน"
พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาวโรรส
สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 10
“วันนี้ฉันได้พบตัวพระศรีวิชัยแล้ว ได้ไต่สวนเห็นว่า เป็นพระที่อ่อนโยน ไม่ใช่ผู้ถือกระด้าง
ไม่ใช่เจ้าเล่ห์ ไม่ค่อยรู้ธรรมวินัย แต่มีสมณสัญญาพอจะประพฤติให้เป็นพระอยู่ได้ อย่างพระที่ห่างเหินจากสมาคม การที่ตั้งตัวเป็นพระอุปัชฌาย์เองนั้น ด้วยไม่รู้ความหมาย ไม่รู้หมายประกาศ ทำตามธรรมเนียม คืออุปัชฌาย์เธอชื่อ สุมนา เมื่อจะถึงมรณภาพ ได้ตั้งเธอปกครองวัดและบริษัทแทนตน ถือว่า ได้ตั้งมาจากอุปัชฌาย์ของเธอ เพราะการที่ไม่รู้จักระเบียบแบบแผน ถูกเอาตัวมาลงโทษกักขังไว้ เกือบไม่รู้ว่าเพราะความผิดอะไร พระอย่างนี้ต้องการอธิบายให้รู้จักผิดชอบ ดีกว่าจะลงโทษ ความปรารถนาของครูบาศรีวิชัยใคร่จะกลับไปอยู่วัดบ้านปางตามเดิม แต่พอใจจะเป็นเจ้าสำนัก แต่ถ้าวัดบ้านปางร้างเสีย จักหาที่อยู่ต่อไปได้
ในคราวที่พระศรีวิชัยถูกเอาตัวมากักขังไว้ มีสามเณรสึกเสีย ๒ องค์ อีกองค์หนึ่งไปอยู่ที่อื่น
ส่วนพระยังอยู่หรือหมดไปแล้ว พระศรีวิชัยหารู้ไม่ ถ้าพระศรีวิชัยจักอยู่วัดบ้านปาง น่าจะต้องให้เป็นเจ้าสำนัก แต่ไม่รู้ระเบียบแบบแผน น่าจะไม่พ้นความผิดอีก เว้นจะได้รับเมตตาของเจ้าคณะพระแนะนำให้เข้าใจระเบียบแบบแผน ครั้นจะยกรูปอื่นเป็นเจ้าสำนัก ก็จักว่าหุ่นอันพระศรีวิชัยจะพึงชักด้วยจะไม่ต้องรับผิดชอบ พระศรีวิชัยบอกว่า เจ้าคณะลำพูนปรารถนาจะให้พระศรีวิชัยอยู่ศึกษาให้ได้รับความรู้กลับไป แต่พระศรีวิชัยไม่สบาย เกรงจะทำไม่ไหว ปรารถนากลับไปลำพูนเพื่อจำพรรษา ฉันเห็นว่าพระศรีวิชัยอายุถึง ๔๓ ปีแล้ว ทั้งยังไม่ได้รับความขัดเกลามาด้วย เกรงว่าจักไม่สำเร็จเหมือนกัน เธอจงส่งพระศรีวิชัยกลับขึ้นไปก่อนพรรษา จงบอกให้ผู้ครองนครลำพูนช่วยเป็นธุระให้ได้กลับไปอยู่วัดบ้านปาง หรือวัดอื่นที่พระศรีวิชัยต้องการพอใจแต่ต้องเป็นหัววัดเอง หรือมีพระอื่นเป็นหัววัดโดยจริงจัง อย่าปล่อยให้เที่ยวเตร่อยู่รูปเดียว แต่ขอให้รู้จักอ่อนน้อมต่อคณะสงฆ์จังหวัดนั้น ค่าส่งพระศรีวิชัยกลับไป จงแจ้งต่อพระญาณวราภรณ์ให้จ่ายเป็นส่วนตัวของฉัน”
ติดตามบทความย้อนหลัง
Click > บทนำ ครูบาศรีวิชัย อำนาจ หวาดระแวง แรงศรัทธา และบุญญาบารมี
Click > ตอนที่ 1ครูบาศรีวิชัย กำเนิดพระนักสู้ ต๋นบุญแห่งล้านนา
Click > ตอนที่ 2 ครูบาศรีวิชัย ประเคนข้อหา กบฏแผ่นดิน
Click > ตอนที่ 3 ครูบาศรีวิชัย อาตมาขอตายในผ้าเหลือง
Click > ตอนจบ ครูบาศรีวิชัย นักบุญล้านนา ศรัทธานิรันดร์
ขอบคุณเนื้อเรื่อง
และภาพประกอบ
ประวัติครูบาศรีวิชัย
โดยพระครูบุญญาภินันท์
(บุญชู จันทสิริ)
มหาเถรผู้ยิ่งใหญ่
ครูบาศรีวิชัยพ้นผิด! นสพ.บางกอกไทม์วิเคราะห์เหตุไต่สวนอธิกรณ์ 8 ข้อ
Reviewed by สารธรรม
on
07:26
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: