ผุดสภาพุทธบริษัท ! น้ำผึ้งหรือยาพิษ?




รัฐบาล !

อย่าคิดเพียงแต่ว่า .. 


วันนี้จะปฏิรูปองค์กรสงฆ์
ในโมเดลของรัฐบาลอย่างไร ?

จะเข้าควบคุมพระสงฆ์ 
คณะสงฆ์  และองค์กรพุทธ
ได้ด้วยวิธีไหน ?

รวมถึงการเรียกพระสงฆ์
ให้เข้าไปรับนโยบายของรัฐ 
แล้วนำมาปฏิบัติ
พร้อมรายงานผลให้ทราบ !

พระพุทธศาสนา..


เป็นศาสนาที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกับ
ชนชาติไทยมายาวนาน

พระพุทธศาสนา..

เป็นศาสนาที่เป็นศาสนาที่มี
ส่วนร่วมในชีวิตความเป็นอยู่
ของของสังคมไทยในทุกมิติ

ทำไมจึงไม่คิดว่า..?

เราจะช่วยกันทำนุบำรุงส่งเสริม
อุปถัมป์ คุ้มครอง ปกป้อง
พระพุทธศาสนาในฐานะที่คนไทย
ส่วนใหญ่นับถือศรัทธากันอย่างไร.?

นี่ต่างหากคือภารกิจ
ที่สำคัญของรัฐบาล
ที่พึงมีต่อพระพุทธศาสนา.!



ย้อนหลังปี พ.ศ. 2475 

พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์
ทรงทำหน้าที่สำคัญ 2 อย่างคือ

      1.
ปกครองไพร่ฟ้าประชาชน
ให้อยู่เย็นเป็นสุข

      2.
ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
โดยพระองค์เป็นผู้อุปถัมป์
ค้ำชูด้วย ดังจะเห็นได้ว่าใน
ยุคสมัยก่อนมักจะมีการสร้าง
วัดประจำรัชกาล

และสิ่งสำคัญที่พระมหากษัตริย์
ทรงทำมาโดยตลอดไม่ว่าการ
ปกครองประเทศจะเป็นระบอบ
สมบูรณาญาสิทธิราชย์
หรือระบอบประชาธิปไตยสมัย
ปัจจุบันก็ตามนั้นก็คือ

เรื่องการปกครองสงฆ์
เรื่องภายในของคณะสงฆ์
ให้สงฆ์ปกครองกันเอง.!


เพราะการปกครองสงฆ์นั้น
เกี่ยวข้องกับ..

พระธรรมวินัย 
กฎหมายบ้านเมือง 
และจารีตประเพณี

ฉะนั้นจึงไม่เคยมีเลยที่จะให้ฆราวาส
เข้ามาปกครองสงฆ์ ในขณะเดียวกัน
คณะสงฆ์ก็ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการ
ปกครองของฆราวาส

เช่น จะเห็นว่าพระสงฆ์ไม่มีการไป
ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในทุกระดับ
ไม่ยุ่งเกี่ยวการปกครองของกันและ
กันแต่อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
และรัฐธรรมนูญเดียวกัน

มาถึงปัจจุบันรัฐบาลชุดนี้..

พระก็อยากให้อาณาจักร
และพุทธจักรเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน
เพื่อให้ประชาชนชาวพุทธ และผู้ที่
สนใจ ได้รับประโยชน์ทั้งทางโลก
และทางธรรมได้มาศึกษาพระธรรม
คำสอน ฝึกปฏิบัติจิตภาวนา

จนเข้าใจพระพุทธศาสนาอย่าง
ถ่องแท้ได้อาศัยพระพุทธศาสนา
เป็นที่พึ่งทางปัญญาในการแก้ไข
ปัญหาในชีวิตนำไปสู่ความพ้นทุกข์
ในสังสารวัฏ


หากรัฐบาล..

เกื้อกูลให้ประชาชน
ได้มีโอกาสเข้าวัดฟังธรรม 
ปฏิบัติธรรมกันมากขึ้น 

ฟื้นฟูวันโกนวันพระให้เป็นวันหยุด
เพื่อให้ประชาชนได้มีเวลาไปทำบุญ
ถือศีล ฟังธรรมที่วัดได้สนทนาธรรม
กับพระเพื่อขจัดทุกข์ทางจิตใจ

หากรัฐบาล หรือฝ่ายบ้านเมืองได้เข้า
มาอุปถัมป์ในแง่นี้ก็ย่อมนำมาซึ่งความ
สงบสุขทั้งในระดับครอบครัว และสังคม

แต่ในแง่ตรงกันข้าม..

ที่ในปัจจุบันจะให้มี..

ฆราวาสเข้ามามีส่วนร่วม
ในการปกครองสงฆ์.!

อันเป็นแนวคิดของ คกก.ปฏิรูป
กิจการพระพุทธศาสนา ที่มาตั้ง
สมมติฐานว่าการที่คณะสงฆ์
ปกครองกันเองอย่างเป็นเอกเทศ

โดยภาครัฐและประชาชนไม่มีส่วน
ร่วมนั้นอาจทำให้เกิดความเสื่อม
จะต้อมาปฏิรูปกันอย่างจริงจัง

โดยมีฆราวาสกลุ่มหนึ่งอ้างว่า
พระสงฆ์ปกครองกันเองแล้ว
มักสร้างแต่ปัญหา
เล่นพรรคเล่นพวก 
มีปัญหาเรื่องเงิน
เรื่องสมบัติ ปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้.!

ชาวบ้านจะต้อง
มีส่วนในการปกครอง .!


จึงไปร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ขึ้นมาใหม่
เรียกว่า..

 ฉบับ.. สภาพุทธบริษัท 

       1.
ให้เจ้าอาวาสมีวาระในการ
ดำรงตำแหน่ง

       2.
ผู้ที่จะเป็นพระอุปัชฌาย์จะต้อง
ได้รับความเห็นชอบจากชุมชน

อย่างนี้เป็นต้น..

นี่คือการเข้ามายุ่งเกี่ยวภายใน
กิจการคณะสงฆ์ ที่ไม่ถูกต้องทั้ง
โดยหลักการ วิธีการและเจตนา 
ล้วนแต่ไม่ถูกต้องทั้งสิ้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ท่านเจ้าคุณประสาร
จึงแนะว่า ควรหาทางออกร่วมกัน
ทั้งพระสงฆ์ และฆราวาส

เพื่อยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่พระ
พุทธศาสนา ให้ประชาชนได้ศึกษา
ปฏิบัติจนถึงที่สุดแห่งการพ้นทุกข์
ในสังสารวัฏทั้งในยุคนี้ และทั้งใน
อนาคตอย่างยั่งยืน


เรียบเรียงจาก เนชั่นสุดสัปดาห์
ฉบับที่1267 วันที่ 9 ก.ย. 2559

ขอบคุณภาพประกอบจาก
Fb พระเมธีธรรมาจารย์-เจ้าคุณประสาร
มติชนออนไลน์
เดลินิวส์ออนไลน์

ติดตามบทวิเคราะห์
คำสั่งนายก ม.44 ! คุ้มครองศาสนาอย่างมีนัยยะสำคัญ



เพราะความลับไม่มีในอากาศ
ผุดสภาพุทธบริษัท ! น้ำผึ้งหรือยาพิษ? ผุดสภาพุทธบริษัท ! น้ำผึ้งหรือยาพิษ? Reviewed by สารธรรม on 04:21 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.