วัดใช้บุญเป็นสินค้า สอนให้คนซื้อบุญจนหมดตัว ชัวร์หรือไม่ ?
ทำไมที่วัดพระธรรมกาย
ต้องระดมบุญ ระดมทุนเยอะๆ ?
นอกจากนั้นก็จะต้องอาศัย อุบาสก อุบาสิกา ที่เรียกว่า "ญาติโยม" ก็คือกลุ่มที่เป็นเสบียงให้พระพุทธศาสนา เหมือนกับสมัยพุทธกาลที่เวลาพระไปอยู่ที่ไหน ก็จะมีสาธุชนเป็นผู้เข้ามาหล่อเลี้ยงบำรุง ทั้งที่เป็นปัจจัย 4 และเรื่องอื่นๆ
ที่วัดพระธรรมกายก็น่าจะคล้ายๆ กัน คือเราก็มีสาธุชนฝ่ายเสบียง เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนงานพระศาสนา ซึ่งพุทธบริษัทที่เข้มแข็งจะผลักดันงานพระศาสนาไปได้ไวมาก
เพราะฉะนั้นความยากน่าอยู่ตรงที่ทำอย่างไร ญาติโยมถึงจะเข้าใจในสิ่งที่วัดกำลังทำ ?
ซึ่งตรงนี้หลวงพี่เห็นหลวงพ่อ ท่านสอนญาติโยมทั้งคนข้างใน และคนข้างนอก จนกระทั่งหลอมรวมกันเหมือนญาติ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่มองยากมากในสมัยปัจจุบัน แต่ว่าในอดีตภาพแบบนี้มันค่อนข้างชัด
ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมติหลวงพ่อท่านชวนสร้างเจดีย์ ท่านก็บอกว่า...
เจดีย์จะเป็นจุดรวมคนล้านหนึ่ง เพราะฉะนั้นคำว่าล้านปุ๊บ ต้องใช้ทุนหรือเสบียงเท่าไหร่ ญาติโยมเอาไหม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำทีเดียวจะได้เลยเนาะ ก็ค่อยสะสมไปเรื่อยๆ ญาติโยมจึงมีความพร้อมที่จะทุ่มเท
ประเด็นคือวัดไปสอนเขาอย่างไร
ถึงขั้นปิดบัญชีทำบุญ ?
วิธีการก็ไม่ได้ซับซ้อนมากนะ ...
หลวงพี่ก็เห็นหลวงพ่อท่าน เอาสมาธิเป็นตัวนำ เพราะว่าคนเราเวลาจะคิด จะพูด และจะทำอะไร มันเนื่องด้วยใจก่อน ถ้าใจมีความสะอาดบริสุทธิ์ ก็จะทำให้มนุษย์คนนั้นอยากทำความดีโดยธรรมชาติ
วัดใช้บุญเป็นสินค้า
บางคนซื้อบุญจนหมดตัว ?
ถ้าอยากทำดี ก็คือเอาเงินมาบริจาคเยอะๆ เพื่อให้ได้บุญมากๆ.!หลวงพี่อยู่ในวัดมานาน ก็ยังไม่เคยเห็นเป็นตัวเป็นตนสักทีนะ ประเภทที่บอกว่าหมดเนื้อหมดตัว
หลวงพี่ยังมีความคิดว่า ไม่ใช่ง่ายหรอกที่อยู่ดีๆ เราจะไปทิ้งทรัพย์สมบัติของเรา แล้วมายกให้ใครคนใดคนหนึ่งที่เราไม่รู้จัก ถ้ามีอย่างนั้นจริงๆ ต้องเป็นคนที่คุ้นเคย รู้จักแล้วเข้าวัดมานานมากๆ จนกระทั่งคุณซึมซับเข้าใจในสิ่งที่คุณกำลังจะทำ และสิ่งที่วัดจะทำ
ศิษย์วัดพระธรรมกายเชื่อว่า
ทำทานอย่างเดียวไปสวรรค์ได้ ?
ความจริงคนที่มาวัดไม่ได้ทำทานอย่างเดียว คนภายนอกมองสิ่งที่วัดสอน เป็นชิ้นๆ มากเกินไปคือ มองแยกในเรื่องของ ทาน แต่ไม่มองเรื่อง การรักษาศีล นั่งสมาธิ ของคนในวัดเท่าไหร่ เพราะมันจับต้องไม่ได้ แต่เงินมันจับต้องได้
ดังนั้นความรู้สึกที่ว่า คนมาวัดพระธรรมกาย เวลาทำบุญทุ่มทำเยอะมาก เพราะมองเห็นเป็นตัวเงินออกมา แต่เขาไม่สามารถไปวัดปริมาณได้ว่า คนวัดพระธรรมกายรักษาศีล นั่งสมาธิในปริมาณเท่าไหร่ มันวัดไม่ได้
ถ้าถามหลวงพี่ว่า...ที่วัดเน้นตรงไหนเยอะที่สุด ก็ยืนยันว่ามันคือ การนั่งสมาธิ เพราะอย่างโยมที่อยู่ข้างนอก เวลาเขาจะมาทำบุญเขาไม่ได้มาทำทุกวันนะ แต่เขานั่งสมาธิทุกวัน ศีล 5 เขารักษาทุกวัน
เพราะฉะนั้นถ้าเทียบการทำบุญ เขาจะได้บุญที่เกิดจาก สมาธิ กับบุญที่เกิดจากการรักษา ศีล เป็นปกติอยู่แล้ว
ส่วนการทำทาน เขาก็อาจจะหยอดกระปุกอยู่ที่บ้านแล้วก็มาทำบุญเป็นคราวๆ พอวัดมีโครงการจะทำอะไร จะเดินหน้าไปตรงไหน เขาก็เข้ามาร่วมทุ่มเททำเป็นช่วงๆ ไป
คลิกที่ภาพเพื่อรับชมวีดีโอ
วัดใช้บุญเป็นสินค้า สอนให้คนซื้อบุญจนหมดตัว ชัวร์หรือไม่ ?
Reviewed by สารธรรม
on
00:15
Rating:
สาธุค่ะ
ตอบลบบุญไม่มีขาย
ตอบลบ"บุญนั้นไม่มีขาย อยากจะได้ก็ต้องทำเอง"เด็กน้อยมีปัญญาคือผู้ใหญ่ในร่างเด็กยังร้องให้คติเตือนใจกับเด็กในผู้ใหญ่บางคนได้ฟังไว้เป็นข้อคิดจะได้ประดับสติปัญญาให้สมวัยแห่งกายหน่อย พระบรมศาสดาของเราทั้งหลายได้ตรัสแล้วมิใช่หรือว่า
"ขุมทรัพย์คือบุญ ไม่สาธารณะแก่ชนเหล่าอื่น โจรก็ลักไปไม่ได้ บุญนิธิอันใด ติดตามตนไปได้”
ปราชญ์พึงทำบุญนิธิอันนั้น".......
บุญขนาดโจรยังปล้นยังลักเอาไปไม่ได้ แล้วใครจะเอาบุญมาขายได้เล่า..ผู้มีปัญญาพึงพิจารณาเอาเองเถิดหนาจะได้มีขุมทรัพย์คือปัญญาติดตัวข้ามชาติไปได้ ชาติต่อไปจะได้ฉลาดๆๆในการหาบุญอันเป็นเหตุแห่งความสุขเป็น สาธุๆๆ
หลักวิขชาพระพุทธศาสนามีอยู่ คือ ทำทาน ทำให้รวย รักษาศีล ทำให้หล่อสวย นั่งสมาธิสวดมนต์ ทำให้เก่งฉลาดเอย.
ตอบลบก็รัฐบาลไม่มาจ่ายให้เวลาจัดกิจกรรม แตกับอิสลาม ให้เงินเดือนเจ้าอาวาสเกือบ20000 มีอำนาจในกระทรวงมหาดไทย สั่งการผู้ใหญ่บ้านให้หาคนไปเมกะ ------พุทธศาสนามีภัยพาลมารุมเร้า -----ขอพวกเราพุทธศาสนิกแลภิกษุสงฆ์-จงรวมพลังสร้างความบริสุทธิใจไม่พะวง--สวดธรรมจักรฯพักจิตนิ่งดิ่งกลางใจ---ด้วยพลังบรมกุศลอันบริสุทธิ์ใส---ให้คนพาลกลับใจไม่โลภไม่ลุ่มหลง---คงสิ่งดีภายในจิตจงธำรงบังเกิดณ.กลางใจ---หากใครใจดำมืดมิดเกินไม่กลับใจ-----จงแพ้พ่ายภัยพาลอกุศลกรรมของตนเอง--สาธุ*
ตอบลบ