เจ้าคุณเบอร์ลินเปรียบ.. แก้ พรบ.สงฆ์ เข้าตำราโลงศพ "คนใช้ไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้ใช้ "

เข้าตำราโลงศพ

คนใช้ไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้ใช้




การแก้ พรบ. สงฆ์ เรื่องใหญ่สุดสงฆ์ที่ สนช. ใช้เวลาแค่ ๑ ชม. ผ่าน ๓ วาระรวดหากเกิดปัญหาใหญ่ตามมา คนแก้ต้องรับผิดชอบ.!


เข้าเรื่องเลยนะครับ..

โพสต์นี้ เจ้าคุณเบอร์ลิน และทีมงาน มีต้นร่าง พรบ. สงฆ์ ที่ สนช. ใช้พิจารณาแนบมาให้อ่านเป็นรายละเอียดด้วยครับก็เรียกได้ว่า "ไม่ทันการณ์เสียแล้ว" ที่เสียงทักท้วง ของคณะสงฆ์ทั่วสังฆมณฑล ตั้งแต่พระเณรเถรชี ไปถึงโฆษกมหาเถรสมาคมในการคัดค้านการแก้ปัญหาแต่งตั้งพระสังฆราชตามแนวคิดแบบฆราวาส

ต้องถือได้ว่า ครั้งนี้รัฐบาลไม่ให้เกียรติหรือให้ความสำคัญใดๆ ทั้งสิ้นต่อคณะสงฆ์เลยโดยการไปแก้ พรบ. สงฆ์ ม. ๗  ที่ดำเนินการโดย สนช. (ฆราวาสล้วน) ทั้งๆ ที่เมื่อวานท่านเจ้าคุณพระพรหมเมธี กก. มส. ในฐานะโฆษก มส. ยั่งนั่งแถลงข่าวงง ๆ อยู่เลยว่า...

" อาตมาไม่ทราบว่า  สนช. จะแก้กฏหมายไปทำไมขณะนี้บ้านเมืองก็ไม่ได้มีเหตุการณ์ผิดปกติ การปกครองภายในคณะสงฆ์ ก็ไม่ได้มีปัญหาซึ่งการทำงานของมหาเถรฯ ก็ล้วนเป็นไปตามหลักกฎหมายของบ้านเมือง จารีตประเพณี และพระธรรมวินัย เรื่องนี้ยังไม่ได้หารือในที่ประชุม มหาเถรสมาคม..."

ก็ขนาดกรรมการ มส. ก็ยังงงจะไม่ให้พระสงฆ์ และชาวพุทธทั่วประเทศ มึนงงได้อย่างไร.?


รัฐบาลกำลังเล่นเกมส์อะไรอยู่.?

ตรงนี้แหละ ที่ต้องถือว่าเป็นบ่อเกิดเกิดปัญหาใหญ่ตามมาเลยแหละครับ เพราะเป็นการคิดที่ผิดธรรมชาติดังที่ผมจั่วโพสต์ไว้ข้างต้นว่าเปรียบเหมือน "โลงศพ"  ที่มีคำเปรียบเทียบว่า..

คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ.!

ความทุกโศก ความโศกเศร้าในใจชาวพุทธทั่วประเทศ ก็จะต้องกำลังตามมาแน่นอนนะครับ ผมเตือนล่วงหน้าไว้ก่อนวิธีทำงานแบบนี้ วิธีคิดแบบนี้วิธีแก้ไขปัญหาแบบนี้ของ สนช. ครั้งนี้ใช้สูตรโลกไหนครับ ภาษาพระนักปฎิบัติธรรมเขาเรียกว่า "ผิดหลักธรรมชาติ" จะมีแต่ปัญหาตามมาครับ หรือจะให้ชัดๆ อย่างหนึ่งก็คือ โบราณเตือนว่า..

ไม่เป็นนักการเมือง อย่าพูดการเมือง ไม่ห่มผ้าเหลือง อย่าพูดการพระ

หมายถึง คุณไม่รู้ความละเอียดลึกซึ้งของปัญหานั้นๆ เท่ากับคนที่เขาอยู่ในฐานะนั้นๆ หรอกครับคติคำนี้ น่าจะตรงกับเหตุการณ์ประชุมแก้ พรบ. สงฆ์ ของ สนช.ในวันนี้ได้ดี

เพราะถึงเวลานี้ ผมได้รับรายงานว่า ผ่าน สนช.ไปแล้ว ๓ วาระรวดโดยใช้เวลาแค่ราว ๑ ชม. เศษเท่านั้นแถมคุณออมสิน ที่ดูแล พศ. ตัวแทน ครม.ที่นั่งร่วมด้วยยังเอ๋อไปด้วย คือ หลังคุณพรเพชร ประธาน สนช. ถามตามหลักการประชุมว่า ...

มีอะไรคัดค้านไหม.?  ซึ่งสามารถส่งเรื่องเข้า ครม.ได้ภายใน ๓๐ วัน รู้ไหมคุณออมสิน แกตอบว่าไง แกตอบว่า "ไม่" เล่นเอามึนกันทั้ง มส. และ พศ.



สรุปสาระสำคัญ

การแก้ พรบ. สงฆ์ ในวันนี้ เป็นการแก้มาตรา ๗ เพียงอย่างเดียวโดยพิจารณาผ่าน ๓ วาระรวด เมื่อผ่านรัฐสภาไปแล้วขั้นต่อไปก็ส่งนายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้า และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปโดยตัด วรรค 2 และวรรค 3 พรบ.สงฆ์เดิมทิ้งไปหมดคงไว้เพียง วรรค1 คือ

ให้เป็นพระราชอำนาจ ที่จะทรงแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง

และที่สำคัญ "ไม่มีบทเฉพาะกาลให้คงใช้ต่อไป" นั้นเท่ากับว่า "ทุกอย่างต้องเริ่มใหม่หมด" ของเก่ารวมทั้งชื่อสมเด็จช่วง วัดปากน้ำที่ มส. เสนอมาก่อนหน้านี้ก็ต้องตกไปด้วยซึ่งตามหลักกฎหมายสากลแล้ว กฎหมายจะไปบังคับใช้ ย้อนหลังไม่ได้แต่ครั้งนี้หาก "ไม่มีบทเฉพาะกาลให้คงใช้ต่อไป" ทุกอย่างต้องเริ่มใหม่หมด


จากนี้ไปขั้นต่อไปเป็นอย่างไร.?

ก็จะขึ้นอยู่กับพระมหากษัตริย์ว่า.. จะทรงเลือกตั้งสมเด็จพระราชาคณะรูปใดให้ขึ้นเป็น "สมเด็จพระสังฆราช"

บทวิเคราะห์เจ้าคุณเบอร์ลิน กับทีมงานหากมองในแง่ดี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอาจทรงให้ตัดขั้นตอนพระกับนายกออกเพราะติดขัดกระบวนการ และเป็นการยุ่งยากให้ทิ้งไปไอ้ที่มีปัญหาขัดแย้งกันอยู่ จะได้ไม่มีประเด็น (ซึ่งอาจมีคนตกงาน และอดตาย) ที่สำคัญตัวนายกรัฐมนตรีเองก็จะได้ไม่มีเชือกมาผูกคออีกต่อไป (ลอยตัวไป)

สำคัญสูงสุด พระเจ้าอยู่หัว จะได้ทรงมีพระวินิจฉัยได้ด้วยพระองค์เองไปเลย เพื่อตัดปัญหาต่างๆ ออกไป (สมควรแล้ว)



ปิดท้ายโพสต์นี้

เจตนารมณ์ พรบ. สงฆ์ ม. ๗ ของ ปี ๒๕๓๕ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่อาจไม่ทราบรายละเอียดที่ไปที่มา และอาจไปมอง พรบ. สงฆ์เดิมในแง่ร้าย หรือเข้าใจผิดต่อคณะสงฆ์

ก่อนที่จะไปถึงขั้นวันประกาศใช้ พรบ. สงฆ์ที่แก้ไขล่าสุดนี้ผมขอสรุปง่ายๆ สั้นๆ เกี่ยวกับ พรบ. สงฆ์ ม. ๗ ปี ๒๕๓๕ ที่ได้รับ
แก้ไขว่า..

ในปี ๒๕๓๒ เมื่อสมเด็จพระสังฆราชองค์เดิมสิ้นพระชนม์ไป เดิมที่เคยปฏิบัติมาจะต้องตั้งสมเด็จพระราชาคณะองค์ที่อาวุโสสูงสุดโดยพรรษาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชต่อไปแต่ครั้งนั้นด้วยความเอื้อเฟื้อ และความงดงามแห่งพระธรรมวินัย และการปกครองคณะสงฆ์สมเด็จอาจแห่งวัดมหาธาตุ และสมเด็จฟื้น แห่งวัดสามพระยา ที่ท่านมีอาวุโสพรรษาสูงสุดที่จะต้องได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราชตาม พรบ. ๒๕๐๕ ตามลำดับแต่..

ท่านทั้ง ๒ ไม่ขอรับด้วยเหตุผลส่วนตัวของท่าน

จากนั้นได้มีการแก้ไข พรบ. จาก ๒๕๐๕ เป็น (๒๕๓๕) โดยเพิ่มวรรค 2 เข้ามาว่า "อาวุโสโดยสมณศักดิ์" แล้วจึงมีการสถาปนาสมเด็จพระญาณสังวร วัดบวร ที่อาวุโสโดยสมณศักดิ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชในที่สุด.!


จบด้วยว่า..

การแก้ปัญหาใหญ่สงฆ์ด้วยการแก้ พรบ. สงฆ์ โดยใช้เวลาแค่ ๑ ชั่วโมงเศษ ด้วยการที่กันผู้เกี่ยวข้องโดยตรง คือ คณะสงฆ์ ไม่ให้มีส่วนใดๆ ด้วยเลยของ สนช. ครั้งนี้เจ้าคุณเบอร์ลิน และทีมงานขอฟันธงว่า

เมฆใหญ่ดำทะมึน

ปัญหาได้ก่อตัวขึ้นแล้ว.!


ดังนั้นนับจากนี้ต่อไป หากเกิดปัญหาตามมาอีกไม่รู้จบพวกท่าน สนช. ที่ลงมติทุกท่านนำโดย พล.ต.อ. พิชิต ควรเดชะคุปต์ จะต้องรับผิดชอบเองนะครับขอให้พวกท่าน ตั้งหลักให้ดี ๆ ก็แล้วกันงานนี้ยาวแน่.!

สุดท้าย ในนามของคณะสงฆ์ขอกระตุกสติรัฐบาลว่า..


เรื่องนี้ขอให้ยุติก่อน

เพราะเป็นการสร้างความบาดหมางใจในหมู่สงฆ์ อันตราย อ่านว่า อันตราย.!

โชคดีมีชัยทุกท่านครับ
เจ้าคุณเบอร์ลิน
Berlin,den 29.12.2016


โพสต์ครั้งนี้ ยึดหลักเหตุผล และอยู่กันแบบสันติสุขตามนโยบายเพจ กรุณาเผยแพร่แชร์ต่อเพื่อวิทยาทานด้วยครับ


แนบร่าง พรบ. สงฆ์ ของ สนช. ประกอบ







ขอบคุณภาพประกอบจาก
Thairath online
MGR online
ไทยโพสต์

เพราะความลับไม่มีในอากาศ
>Talk--secret.blogspot.com
เจ้าคุณเบอร์ลินเปรียบ.. แก้ พรบ.สงฆ์ เข้าตำราโลงศพ "คนใช้ไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้ใช้ " เจ้าคุณเบอร์ลินเปรียบ.. แก้ พรบ.สงฆ์ เข้าตำราโลงศพ "คนใช้ไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้ใช้ "  Reviewed by สารธรรม on 08:12 Rating: 5

1 ความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.