ไตสะเทือน.! รัฐออกโรงเตือนพระนักจ้อธรรมกาย

หลังจากปรากฏตัวเพื่อชี้แจงข่าววัดพระธรรมกายได้เพียง 2 วัน ชื่อของ พม.ทศพร ดูจะเข้าไปอยู่ในบัญชีสีดำของดีเอสไอซะแล้ว อาจจะเป็นด้วยใบหน้าที่คล้ายโอ้ปป้าแดนกิมจิ หรืออาจเพราะว่าวาจาที่ตรงประเด็นตะเตือนไตก็คงต้องให้ท่านผู้อ่านใชัวิจารณญาณส่วนตัว.!

ชี้แจงวัดพระธรรมกาย 

วันที่ 4 มี.ค. 2560 เวลา 09.00 น.

วันที่ 17 ของการที่วัดพระธรรมกาย ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน และรัฐใช้งบประมาณไปแล้วไม่ต่ำกว่า 50-85 ล้านบาท

ประเด็นที่ 1 

กรณีนายกฯ พูดว่าให้ลูกศิษย์วัดมีสตินั้น ขอชี้แจงว่า 

1.1 ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย เจริญสติ สมาธิ ปัญญา อยู่ทุกวัน ด้วยการทำ “ทาน รักษาศีล สมาธิภาวนา” และ “ศีล สมาธิ ปัญญา”

1.2 ขอเรียกร้องให้ท่านนายกฯ มีสติ ระงับอารมณ์โกรธ ฉุนเฉียว ในการแถลงข่าว เพื่อบรรยายกาศของประเทศที่สงบร่มเย็น

1.3 กรณีท่านนายกฯ บอกสื่อว่า “อย่าไปฟังคนผิด” นั้นท่านตั้งสมมติฐานที่ผิด เพราะคดีสหกรณ์คลองจั่น ที่มีหมายค้นมานี้ ยังไม่มีการตัดสินว่า

ใครถูกผิดท่านกล่าวเช่นนี้ แสดงว่าท่าน ได้ข้อมูลที่ผิดพลาด ทำให้ท่านตัดสินใจผิดพลาดมี “โมหาคติ” หรือ อคติ เพราะความไม่รู้ในการใช้ ม.44

เพราะคดีนี้เป็นเพียงการ “ขัดหมายเรียก” เพราะหลวงพ่ออาพาธไม่สามารถไปตามหมายเรียกได้ เท่านั้น

ประเด็นที่ 2 

กรณีที่ ผบ.ทบ.ระบุว่าหลวงพ่อธัมมชโย แค่คนเดียวควรเสียสละเป็นผู้น อย่าทำให้ลูกศิษย์ลำบากนั้นขอชี้แจงว่า 

2.1 ลูกศิษย์ไม่เคยรู้สึกว่าลำบากเพราะหลวงพ่อธัมมชโย แต่รู้สึกลำบากเพราะมี ม.44 ถูกกำลังเจ้าหน้าที่มาปิดล้อมถูกคุกคามตรวจค้น และไม่ให้เข้าวัด

2.2 ที่ผ่านมาพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยเสียสละ และทนลำบากสร้างวัดพระธรรมกาย จากทุ่งนาฟ้าโล่ง จนเป็นวัดพระธรรมกายในปัจจุบัน

2.3 สิ่งที่ลูกศิษย์มาสวดมนต์นั่งสมาธิ นี้ไม่ใช่เพราะหลวงพ่อธัมมชโยเท่านั้น แต่ทุกคนรู้สึกว่า พระพุทธศาสนากำลังถูกรังแกย่ำยีคุกคามจากภาครัฐ

2.4 ที่ผ่านมาลูกศิษย์ทุกคนรู้สึกว่า ยังตอบแทนบุญคุณที่หลวงพ่อธัมมชโยท่านมีบุญคุณต่อพวกเรา ไม่ถึง 1% ที่ท่านได้อุทิศตนสั่งสอนให้เราเป็นคนดีมีศีลธรรม ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข แนะนำสั่งสอนให้ทำตามคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพียงแค่นี้ก็ตอบแทนบุญคุณท่านไม่หมดแล้ว

2.5. กรณีนี้ทนายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ ให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ว่า
แค่คนๆ เดียวออกมามอบตัวก็จบ เป็นตรรกะที่ผิดเพี้ยนได้กล่าวย้อนว่า “คดีเป็นหมื่นเป็นแสน ทำไมมาใช้ กฎหมายพิเศษกับวัดพระธรรมกาย


ประเด็นที่ 3

กรณีความคิดเห็นว่าถ้า "หลวงพ่อธัมมชโยไม่ผิดทำไมไม่มอบตัวสู้คดี" ขอชี้แจงว่า 

3.1 ท่านไม่ได้หนี แต่ยินดีเข้ากระบวนการยุติธรรมตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ แต่ท่านอาพาธหนักจึงขอให้เจ้าหน้าที่มาแจ้งข้อหาในวัดนอกจากเจ้าหน้าที่ไม่มาแล้วยังออกหมายจับข้อหา “ขัดหมายเรียก” 
นอกจากนี้ยังมีเหตุผิดปกติมากมายที่มองออกว่าเป็นการกลั่นแกล้ง เพื่อจะยึดทรัพย์ของวัด ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐไม่พึงกระทำเยี่ยงนี้ และสามารถไปใช้กับพระทุกวัดอื่นอีกในอนาคต 
3.2 ความจริงคดีนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนการกล่าวหาเท่านั้น เรื่องยังไปไม่ถึงศาลยังไม่มีการพิพากษาว่าผิดหรือถูก ต้องถือว่าหลวงพ่อธัมมชโยยังเป็นผู้บริสุทธิ์

3.3 วัดยินดีเข้ากระบวนการยุติธรรม คือ ทางวัดขอเชิญ DSI มายื่นข้อกล่าวหาที่วัด เพราะหลวงพ่ออาพาธเดินทางออกไปไม่ได้แต่ DSI ไม่มา
โดยอ้างว่ามาไม่ได้ ในขณะที่อัยการ ตำรวจ และนักกฎหมายท่านอื่นบอกว่าตามกฎหมายแล้วมาได้.! 
3.4  DSI ยืนกรานไม่ยอมมาที่วัด และไม่ยอมให้หลวงพ่อธัมมชโยเลื่อนนัดแต่ออกหมายจับทันที

3.5. พอออกหมายจับแล้ว DSI ก็บอกว่า ถ้าไปรายงานตัวจะไม่ให้ประกันตัวต้องจับสึกทันทีอย่างนี้พระที่ไหนจะไปเพราะ การจับสึก ถือเป็นการประหารชีวิตพระ 

3.6 ในกรณีอื่น พระที่ถูกหมายจับไม่ต้องสึกก็มี เช่น พระนักเคลื่อนไหวทางการเมือง จ.นครปฐม แล้วทำไมต้องใช้ 2 มาตรฐานเลือกปฏิบัติกับวัดพระธรรมกายเช่นนี้

3.7 ความผิดปกติเริ่มชัดเจนมากขึ้น ตอนที่เอากองกำลังตำรวจนับพันนายจะมาล้อมจับพระรูปเดียวที่ชราและอาพาธ ด้วยข้อหาไม่ไปรายงานตัวตามหมายเรียก

3.8 ท่านทั้งหลายว่ามันเกินไปไหม คดีมีอายุความ 15 ปี พระขอผ่อนผันว่าขอรักษาตัวก่อนแต่ DSI ไม่ยอ ต้องเอากำลังมาเป็น 3-4 พันนายมาล้อมจับ

3.9 นอกจากนี้ยิ่งมีการตั้งคดีให้อีกตั้ง 300 กว่าคดี ในเวลาเพียง 1 เดือน ยิ่งน่าผิดสังเกตแต่ละคดีก็ดูไร้สาระ เช่น โบสถ์สร้างตั้งแต่ พ.ศ.2520 แต่ยัดคดีว่าไม่ขออนุญาตก่อสร้างกับ อบต. ซึ่ง อบต.เกิดขึ้นปี พ.ศ. 2538 ใครจะย้อนอดีตไปขออนุญาตได้
ละที่สำคัญ ! สิ่งก่อสร้างในวัด ได้รับการยกเว้นว่าไม่ต้องขออนุญาตเพราะเป็นศาสนสถาน

3.10 ยิ่งถึงวันนี้ยิ่งชัดเจนว่าผิดปกติ ใช้ ม.44 และยกกองกำลังมาเกือบครึ่งหมื่น เพื่อตรวจค้นวัดหาตัวหลวงพ่อธัมมชโย ค้นทุกพื้นที่อยู่ 3 วัน
เมื่อไม่เจอก็จะไล่คนออกจากวัดให้หมด ภายในบ่าย 3 ของวันที่ 19 ก.พ. 2560
3.11 ปิดล้อมวัด ตัดเสบียง ตัดโทรศัพท์ ตัดสัญญาญอินเตอร์เน็ต ขู่ตัดน้ำตัดไฟ ไล่คนออกจากวัด เพื่อตามจับคนที่ไม่ไปรายงานตัวตามหมายเรียก (เรียกไปรับทราบว่า มีคนกล่าวหาว่า สงสัยจะทำความผิด)

3.12 มันคุ้มค่านักเหรอที่ปิดล้อมวัดไป 17 วัน เสียงบประมาณไปมากมาย ถ้าตามที่เจ้าหน้าที่บอกแจ้งวันละ 3 ล้านบาท คือ 51 ล้านบาท ถ้าตามที่สื่อมวลชนประเมิน วันละ 5 ล้านบาท เท่ากับ 85 ล้านบาท หรือเกือบ 100 ล้านบาทแล้ว กรณีผู้ก่อการร้ายหรือเจ้าพ่อค้ายาเสพติดยังไม่เห็นลงทุนขนาดนี้เลย

3.13 เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2560 ท่านนายกฯ ออกมาพูดว่า ถ้าหลวงพ่อธัมมชโยมอบตัว และให้รัฐเข้าไปบริหารจัดการวัดพระธรรมกาย ก็จะยกเลิก ม.44 อย่างนี้
ชัดเจนไหมว่า ที่ทำมาทั้งหมดเพื่อจะยึดทรัพย์วัดพระธรรมกาย แล้วใครที่ไหนจะยอม ลูกศิษย์วัดที่สร้างวัดมาด้วยทรัพย์ของตนเอง เป็นเจ้าของวัดที่แท้จริง ไม่มีใครยอมให้ใครมายึดวัดที่สร้างมาด้วยความศรัทธาหรอก
3.14 ศิษย์วัด ยึดหลัก “ไม่สู้ ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป” เราไม่ได้สู้กับรัฐบาลแต่กำลังสู้กับความอยุติธรรม


ประเด็นที่ 4 

กรณีที่นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวยืนยันกลางเวที ยูเอ็นเอชอาร์ซี (UNHRC) 

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2560 ว่าประเทศไทยยึดมั่น-ส่งเสริม สิทธิมนุษยชน นั้นทางวัดขอแย้งว่าจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. 2560 เป็นต้นมาถือว่า

ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงดังนี้

4.1. ปิดกั้นพระและประชาชนเข้าวัด
4.2. ตัดสัญญาณมือถือและอินเตอร์เน็ต
4.3. ตั้งด่านทหารตำรวจรอบวัด
4.4. ทุบกล้องวงจรปิดรอบวัด
4.5. ตัดการส่งวัตถุดิบเข้ามาปรุงอาหาร

4.6. พระและประชาชน อยู่ในวัด จำนวน 10,000 รูป/คน แต่ส่งอาหารให้ 1,000 กล่อง
4.7. ตั้งด่านจนคนป่วยกลายเป็นคนตาย
4.8. กันชาวบ้านไม่ให้ทำมาค้าขายรอบวัด
4.9. กันเด็กไม่ให้ไปโรงเรียน
4.10. กันเส้นทางสัญจรรอบวัด

4.11. ค้นบาตรพระ
4.12. ของบิณฑบาตไม่ให้เอาเข้าวัด
4.13. ใช้ ม.44 กับพระและประชาชนผู้บริสุทธิ์
4.14. เจ้าหน้าที่เดินขึ้นเจดีย์ ซึ่งเป็นพุทธสถานที่ประชาชนกราบไหว้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า
4.15. พระอาจารย์แถลงข่าวชี้แจงรายวัน ก็ถูกข้อหายุยงปลุกปั่น ฯลฯ

นี่หรือพฤติกรรมยึดมั่นส่งเสริม สิทธิมนุษยชน.? 

ที่สำคัญคือ..

ราวิดา ชัมดาซานี
โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) 

ในวันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 ราวิดาได้แถลงที่นครเจนีวาว่า ทางโอเอชซีเอชอาร์รู้สึกผิดหวังที่ได้รับทราบเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติของไทย ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร 

ได้ระงับการพิจารณาร่างกฎหมายเอาผิดทางอาญาต่อเจ้าหน้าที่ที่ทรมานหรือทำให้บุคคลหายสาบสูญ ทั้งๆ ที่ทางรัฐบาลได้เห็นชอบให้ออกกฎหมายดังกล่าวเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว..

ประเด็นที่ 5

โพสต์ข่าวของสำนักข่าวอัลจาซีรา กรณีวัดพระธรรมกาย ถูกระงับการเผยแพร่โดยรัฐบาลไทย

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา เวลา 12.35 น. ผู้สื่อข่าวต่างประเทศจากสำนักข่าวอัลจาซีร่าได้ลงข้อความทวีตเตอร์ว่า

“รายงานข่าวเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายถูกรัฐบาลไทยระงับการเผยแผร่ ” 

จนนำไปสู่การสนทนาถึงการปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชนจากรัฐบาลไทยในกลุ่มของผู้สื่อข่าวต่างประเทศจนกระทั่งราว 18.52 น. เขาก็ได้นำรายงานข่าวลงในยูทูป ซึ่งหลังจากที่ได้เข้าไปชมแล้วก็ไม่เห็นว่า มีเนื้อหารุนแรงอะไร ?

เพียงแต่รายงานข้อแท้จริงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งตั้งคำถามกับผู้ชมว่า..

ปฏิบัติการครั้งนี้ที่ใช้มาตรา 44 อันมีอำนาจราวกับกฎอัยการศึกที่ให้อำนาจเบ็ดเสร็จ ทั้งยึดทรัพย์วัดหรือควมคุบวัดนั้น มีวาระซ่อนเร้นทางการหรือไม่ ?

สิ่งที่อยากตั้งคำถามกับสังคม.? 

หากปฏิบัติการครั้งนี้มาเพื่อทำตามหมายค้นอันหมดอายุไปแล้ว ด้วยความบริสุทธิ์ใจจริง 

เหตุใดถึงต้องปิดกั้นการรายงานข่าวของสื่อมวลชนต่างประเทศ ที่เป็นสักขีพยานในการทำหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย.!


ขอบคุณข้อมูลจาก
Fb Thossaporn Tung Boonyarangkul

ไตสะเทือน.! รัฐออกโรงเตือนพระนักจ้อธรรมกาย ไตสะเทือน.! รัฐออกโรงเตือนพระนักจ้อธรรมกาย Reviewed by สารธรรม on 05:20 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.