โคตรเคลียร์.! วัดธรรมกายชี้แจง ใครโจร ใครเนรคุณ

คำชี้แจ้งข่าววัดพระธรรมกาย 

วันที่ 1 มี.ค. 2560 เวลา 10.00 น. 
ในวันที่หมายค้นสิ้นสุดแล้ว



(1) 

เจ้าหน้าที่เข้ามาอาคาร 60 ปี โดยพลการ
ภาพจากกล้องวงจรปิด พบเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบ DSI มุ่งตรงไปอาคาร 60 ปี วัดพระธรรมกาย ทำทีท่ากำลังดึงสายสัญญาณกล้อง CCTV ออก และจับกุมพนักงานรักษาความปลอดภัยของทางวัดไป คำถามคือเจ้าหน้าที่ DSI ต้องการทำอะไร?

(2) 

บุคคลไม่ระบุว่าเป็นใคร มาพร้อมใบกระท่อม ที่ประตู 7 ข้อน่าสังสย 

1.ผู้รับเหมาและคนงานก่อสร้าง หยุดงานตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา ไม่มีใครเข้ามาทำงาน บุคคลดังกล่าวจึง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย

 2.สถานการณ์ที่มีการปิดล้อมวัด ทั้งทหาร ตำรวจ dsi ใครจะซื่อ ถือใบกระท่อม เข้ามาให้เจ้าหน้าที่ตรวจ


(3) 

ส่งข้าวบูดมา 300 กล่อง
กรณีเรื่องอาหาร ได้รับข้อมูลว่าข้าวกล่องมื้อเที่ยงที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ ประตู 7 เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2560 เวลา 10.00 น. จำนวน 300 กล่อง บูดเสียทั้งหมด ไม่สามารถนำมาขบฉันหรือรับประทานได้เลย 

ที่สำคัญ !!! พระและศิษย์ในวัดมีประมาณ 10,000 คน แต่ส่งมา 300 กล่อง ย่อมไม่เพียงพอแต่การขบฉันและบริโภค ท่านทั้งหลาย

แม้ในสงครามโลก องค์การสหประชาชาติ (UN) ยังห้ามไม่ให้มีการปิดกั้นการลำเลียงอาหารต่อพลเมืองผู้บริสุทธิ์  เพราะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอย่างร้ายแรง.! 

ดังตัวอย่าง ในสงครามกลางเมืองของซีเรีย มีการล้อมเมืองอเล็ปโป และจะมีตัดเสบียงอาหารเพื่อให้ทหารข้าศึกและประชาชนในเมืองหิวโหยจะได้ยอมจำนน แต่  UN ได้มีคำสั่งห้ามไม่ให้ทำ จะรบก็รบกันไป แต่จะปิดกั้นเสบียงอาหารไม่ได้

แต่กรณีของวัดพระธรรมกาย เราไม่ได้รบกับเจ้าหน้าที่ แค่รักษาสิทธิของตนเอง

วัดพระธรรมกาย ยังเป็นสมาชิก UN ประเภท NGO (ไม่ใช่ประเภทรัฐบาล) ดังนั้น การปิดกั้นเสรีภาพเรื่องเสบียงอาหาร  ปิดกั้นเสรีภาพทางสัญญาณสื่อสาร  ปิดกั้นเสรีภาพการสัญจรเดินทาง ที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ทหาร ตำรวจ ทำกับพระภิกษุและพลเมืองผู้บริสุทธิ์

จึงเป็นการกระทำที่ ยิ่งกว่าในสงคราม นี่ไม่ใช่ กฎหมู่ อยู่เหนือกฎหมายนี่ไม่ใช่การทำตามกฎหมายแต่เป็นการทำตาม กฎกู 

ที่เขียนขึ้นตามอำเภอใจ เพราะไม่มีกฎหมายที่ตราขึ้นโดยชอบธรรมของประเทศใดในโลก ที่อนุญาตให้รัฐปิดล้อมประชาชนตัดข้าวปลาอาหาร ตัดสัญญาณโทรศัพท์ ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต ตัดเส้นทางสัญจรเช่นนี้

จากสาเหตุเพียงแค่จะจับพระภิกษุชราด้วยข้อหา "ขัดหมายเรียก" " หยุดย่ำยีพระพุทธศาสนา ยกเลิก ม.44 ทันทีเถิด..



(4) 

การข่าวของรัฐบาลผิดพลาดอย่างร้ายแรง โดยขอตั้งข้อสังเกตว่า กุนซือของเจ้าหน้าที่รัฐ ให้ข้อมูลเท็จกับทางราชการและเป็น บุคคลล้มละลายทางด้านความน่าเชื่อถือเพราะ

1. โกหกว่า ใต้ถุนอาคาร เป็นอุโมงค์ลับ ซึ่งไม่เป็นความจริง
2. โกหกว่า เครื่องนับดิจิตอล “สัมมาอะระหัง” เป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสาร
3. โกหกว่า อาคารบุญรักษา ซึ่งกำลังก่อสร้าง เป็นที่หลบซ่อนตัวของหลวงพ่อธัมมชโย เจ้าหน้าที่ ต้องเสียเวลา ยกกำลังพล เกือบ 50 นาย เข้าไปบุกตรวจ แต่ก็พบเพียงฝุ่น ที่กำลังก่อสร้างเท่านั้น

4. โกหกว่า อาคารภาวนา 60 ปี เป็นที่หลบซ่อนตัว แต่เจ้าหน้าที่ เข้าไปตรวจค้น 3-4 ครั้ง ก็พบเป็นอาคารที่ให้ญาติโยมมาปฏิบัติธรรม
5. โกหกว่า อาคารดาวดึงส์ เป็นที่หลบซ่อนตัว แต่ก็ไม่พบตัว เจอเพียงเครื่องเพิ่มออกซิเจนกับเตียงเปล่า
6. โกหกว่า อาคาร 100 ปี ซึ่งยังไม่มีการเปิดใช้งาน เป็นที่พำนักของหลวงพ่อธัมมชโย ทั้งที่อธิบดี dsi และรองสุริยา มาตรวจสอบด้วยตัวเอง

7. บุคคลนี้ ตอนเป็นพระก็อยู่วัดไหนไม่ได้
เนื่องจาก ไม่ฝึกตัว เอาแต่ใจตัวเองเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่เข้ากับหมู่สงฆ์ไม่ได้ มีความเนรคุณครูบาอาจารย์ใส่ร้ายป้ายสีหลวงพ่อธัมมชโย 
ทั้งๆ ที่หลวงพ่อธัมมชโยเป็นผู้มีพระคุณส่งเสียให้เล่าเรียนในต่างประเทศ ไปอยู่วัดไหนก็มีปัญหากับวัดและเจ้าอาวาส เพราะไม่ทำตามระเบียบวินัยของวัดนั้น มีการฟ้องร้องเจ้าอาวาสที่ตนไปพำนักอยู่บ่อยๆ ก่อนลาสิกขาก็ไปอยู่ตามอพาร์ทเม้นไม่อยู่วัดตามปกติแบบพระสงฆ์

8. ปัจจุบันไม่มีงานการ เป็นหลักแหล่งชัดเจน 
เป็นแค่อาจารย์พิเศษ ไปตามที่ต่างๆ เพราะไปทำความวุ่นวายให้กับหน่วยงานต่างๆ จนไม่มีใครรับเป็นเจ้าหน้าที่ประจำ แต่น่าแปลกใจว่า อยู่ได้โดยไม่ทำงาน ไม่ทราบว่า เอาเงินมาจากไหน

9. ผลงานวิชาการออกมาก็ได้รับการตำหนิ และวิพากย์วิจารณ์อย่างมากมาย และไม่เป็นที่ยอมรับในวงวิชาการ

10. เมื่อไม่นานมานี้ได้ไปออกงานสัมมนาวิชาการ แล้วยังอ้างว่าเป็นตัวแทนวัดพระธรรมกายอีกด้วย

11. ตลอด 20 ปี ที่ผ่านมา มีความเชี่ยวชาญอย่างเดียวคือ
โกหกเรื่องวัดพระธรรมกาย เพราะมีความแค้น เนื่องจากไม่ทำตามกฎระเบียบของทางวัด ไม่เคยอยู่จำพรรษาที่วัดเลย 

เมื่อไม่พอใจวัด ก็ประกาศลาออกและเขียนจดหมายลาออกด้วยตนเอง โดยที่ทางวัดไม่ได้บีบคั้นแต่อย่างใด แต่เมื่อไปไหนไม่ได้จะขอกลับมาทางวัดให้ไปขอขมาต่อคณะสงฆ์ของวัดก็ไม่ทำ

เมื่อไม่ขอขมาหมู่สงฆ์ จึงไม่ได้กลับเข้ามาอยู่ในวัด เพราะส่อให้เห็นว่า เป็นคนอกตัญญูและเนรคุณต่อครูบาอาจารย์.!

สรุป รัฐบาลไม่เชื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้ามาตรวจค้น
แต่กลับเชื่อการข่าวที่หลอกลวงของ กุนซือ ที่ดูเหมือนมีปัญญา มีปัญหาเรื่องสุขภาพจิต เป็นบุคคลล้มละลายทางด้านความน่าเชื่อถือ  ถ้ารัฐบาลยังเชื่อบุคคลที่ไม่มีคุณธรรม มีความอกตัญญูต่อครูบาอาจารย์มีความเนรคุณคน

รัฐบาลก็ไม่มีความชอบธรรม ไม่มีธรรมาภิบาล ในการบริหารจัดการเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

(5) 

วัดพระธรรมกาย ขอยืนยันในการยึดหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตลอด 47 ปี 

คือ การทำทาน รักษาศีล และการเจริญสมาธิภาวนามาโดยตลอด และหลักไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา พระภิกษุสามเณรที่ออกบวชอุทิศตนอยู่ในวัด หรือ 200 ศูนย์สาขาต่างๆ ทั่วโลก ล้วนมีความตั้งใจศึกษาเล่าเรียนคำสอนดั้งเดิมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ถูกเก็บไว้ในภาษาบาลี 

จนมีสถิติพระสงฆ์สามเณร และฆราวาสสอบเปรียญธรรม และสอบบาลีศึกษาได้มากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ปัจจุบันสำนักเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย มีผู้สอบผ่านบาลี ชั้นสูงสุด ป.ธ.9 และบาลีศึกษาจำนวนทั้งสิ้น 70 รูป /คน

และมีพระภิกษุที่จบ ระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต (ระดับดอกเตอร์) ทั้งในและต่างประเทศ กว่า 12 รูป เป็นบุคลากรทางการศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งและต่างประเทศ

จากสถานการณ์พิเศษที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาประเทศไทย 

พระพุทธศาสนาที่ได้รับสืบทอด ปลูกฝังมาจากบรรพบุรุษ จึงทำให้มีวัฒนธรรมที่ดีงาม รักในพระพุทธศาสนา มีความเคารพเทิดทูน บูชาพระพุทธศาสนา เทิดทูนบูชา พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ไม่เคยล่วงเกินเลย แม้เดินเข้าวัดก็ไม่อยากให้ทรายติดเท้าออกมา กลัวจะเป็นบาป

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในวัด แม้เป็นเม็ดทรายหรือฝุ่นก็ล้วนแต่เป็นสมบัติพระศาสนา เพราะฉะนั้นเมื่อถึงเทศกาล ก็มีการก่อพระเจดีย์ทราย คือ การนำทรายกลับคืนมา สั่งสมบุญวัด เพื่อทดแทนในช่วงที่เข้าวัดที่ทรายติดเท้ามาโดยไม่เจตนา บรรพบุรุษของเราให้ความเคารพในพระพุทธศาสนาขนาดนี้

แต่นี่จะขอมาบริหารวัด หรือบริหารสมบัติพระศาสนาอย่างไร้เหตุผล อย่างกับไม่ใช่ชาวพุทธเลย ไม่มีวัฒนธรรมอันดีงาม ไม่มีศีล ไม่มีธรรมอยู่ในใจเลย.!

(6) 

หลักธรรมะในวันนี้ท่านทั้งหลายจะปฏิวัติกี่หน จะเลือกตั้งกี่ครั้ง
ก็ยังไม่เป็นที่พอใจของสังคม อุปมาเหมือนเลือกจ่าฝูงลิง แต่ลิงก็ฝูงเดิม ซึ่งพระพุทธองค์ ทรงให้มาตรฐานไว้ว่า “ธรรมที่แสดง และวินัยที่ทรงบัญญัติ จักเป็นศาสดาแทนพระองค์”

“วินัย” ของฆราวาส 

3 หมวด 14 ข้อ ได้แก่

1.กรรมกิเลส 4 (ศีล 5 ตัดข้อสุรา)
2.อคติ 4 ลำเอียง เพราะรัก ชัง โกรธ หลง
3.อบายมุข 6 ตัวทำลายเศรษฐกิจ 

( 1.การติดสุราและของมึนเมา, 2. การเที่ยวกลางคืน, 3.ชอบเที่ยวดูการละเล่น, 4.ติดการพนัน, 5.คบคนชั่วเป็นมิตร, 6.เกียจคร้านในหน้าที่การงาน )

รวมคือการละกรรมชั่ว 14 ประการ
ทำได้มาก ชีวิตก็จะห่วยน้อย..ทำได้น้อย ชีวิตก็ห่วยมาก.!

ทำได้น้อย ก็เป็นมิตรเทียมให้กับตัวเองและสังคม 

(มิตรเทียม 4 ประเภท ได้แก่ 1. คนปอกลอก 2. คนดีแต่พูด 3. คนหัวประจบ 4.คนชักชวนในทางฉิบหาย)

ยิ่งกำจัดความชั่วได้มากเท่าไร เราก็จะกลายเป็นมิตรแท้ให้กับตนเองและสังคม 

(มิตรแท้ 4 ได้แก่ 1. มิตรมีอุปการะ 2.มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์  3.มิตรแนะนำประโยชน์  4.มิตรมีความรักใคร่อนุเคราะห์กัน )

สิ่งเหล่านี้ เทวดา ก็บันดาลให้ไม่ได้เราทุกคนต้องทำเอง

ถ้าเราทุกคนไม่ทำทั้งประเทศ จะเปลี่ยนรัฐบาลกี่ครั้ง ปฏิวัติกี่หน ก็แก้ปัญหาประเทศไม่ได้ ถ้าไม่ทำ “คน” ก็เป็นได้แค่ “ประชาชน” คือมีชื่อในทะบียนสัมมโนครัว แต่ยังไม่รู้ว่า เป็นมิตรแท้หรือเทียมของสังคมหรือไม่ แต่ถ้าทำได้ก็เป็น “พลเมือง” คือ เป็นกำลังของสังคม จึงเป็นมิตรแท้ต่อสังคม

ส่วน "ธรรม" ทุกคนต้องรู้จักสิทธิและหน้าที่ โดยสังคมเล็กสุด คือ ครอบครัว หรือ ทิศ 6 ดังนั้น เราต้องรู้จักหน้าที่ต้องปฏิบัติต่อทิศ 6 ถัาไม่รู้จักหน้าที่ คนจะเอาแต่เรียกร้องสิทธิจากผู้อื่น ทั้งนี้ทุกคนต้องมีสิทธิและหน้าที่ต่อกัน เช่น พ่อแม่มีต่อลูก ลูกมีต่อพ่อแม่ สามีภรรยามีสิทธิและหน้าที่ต่อกัน เป็นต้นสลับซึ่งกันและกัน

โดยทุกทิศ มีตัวเชื่อมใจคือ “สังคหวัตถุ 4” ได้แก่ ทาน ปันกันกินปันกันใช้, ปิยวาจา พูดให้กำลังใจกัน, อัตถจริยา ช่วยเหลือเกื้อกูลกันไป, สมานัตตตา ให้ความเสมอภาค

ขอให้คนไทยทุกคนมองกันด้วย “สังคหวัตถุ 4” มีน้ำใจซึ่งกันและกัน ถ้าท่านยังไม่เข้าใจให้สวดบทธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ให้ใจใสใส แล้วค่อยมาอ่านหลักธรรม  เพราะถ้าน้ำขุ่นๆ แม้มี กุ้ง หอย ปู ปลา เพชรนิลจินดา อยู่ที่ก้นทะเล ก็มองไม่เห็น

เมื่อใจขุ่น ก็มองไม่เห็นความดีผู้อื่น เช่นกันถ้าน้ำใสใส เห็นถึงก้นทะเล เมื่อใจใสใส ก็มองเห็นความดีซึ่งกันและกัน การเริ่มฝึกทำใจให้ใสใส ด้วยการสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร เพราะเป็นแม่บททางพระพุทธศาสนา จบละ 17-18 นาที สวดไปเรื่อยๆ เดี๋ยวใจก็จะใสใสเอง อย่าเสียเวลาจับผิดกันเลย เรามาสร้างมิตรแท้ให้กับตนเองและสังคมกันเถิด

ขอฝากความรักและความปรารถนาดี ถึง “โยมลุงตู่ที่รัก” ของพวกเรา ... เราเชื่อว่าใจท่านไม่มีอะไร ท่านเข้ามาบริหารประเทศด้วยความจำเป็น จึงขอร้องท่าน ขอให้พูดเพราะๆ กับประชาชนอีกสักนิด ไม่พูดทอนกำลังใจกัน และพูดให้กำลังใจประชาชน บรรยากาศของประเทศก็จะดีขึ้นทันที

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
Fb Phara sanitwong charoenrattawong
โคตรเคลียร์.! วัดธรรมกายชี้แจง ใครโจร ใครเนรคุณ โคตรเคลียร์.! วัดธรรมกายชี้แจง ใครโจร ใครเนรคุณ Reviewed by สารธรรม on 05:25 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.